พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทย นิยมเรียกกันว่า พระเเก้วมรกต เพราะสร้างด้วยเเก้วมณีสีเขียวมรกตทั้งองค์
พระเเก้วมรกตองค์จริงประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระเเก้ว ณ ปัจจุบัน เเละตอนจะทำการเปลี่ยนเครื่องทรง
เเก้วนี้คือหยกสีเขียวเข้มซึ่งมีค่าสูงเเละหายากมาก พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรประดิษฐานอยู่บนบุษบกทองภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระเเก้ว ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในเขตพระมหาราชวัง วัดนี้สร้างพร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬาโลกมหาราช ลักษณะขององค์พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย หน้าตักกว้าง ของพระเเก้วมรกต 48.3 เซนติเมตร ความสูงของพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจากฐานถึงยอดพระรัศมี 66 เซนติเมตร พระอุณาโลมมีเพชรเม็ดใหญ่ขนาดเท่าเม็ดฝังบัวฝังอยู่ เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลัษณะงดงามมาก ถึงเเม้พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหยกสีเขียวงดงาม พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรก็ยังมีเครื่องทรงทุกฤดูกาลตามสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยคือ เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน ฤดูฝน เเละฤดูหนาว เครื่องเหล่านี้ทำด้วยทองคำประดับเพชรเเละมณีชนิดต่างๆฝีมือประณีตละเอียดอ่อนงามจับตา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬาจุฬาโลกมหาราช มีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องทรงฤดูร้อนเเละฤดูฝนถวายเป็นพระพุทธบูชา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างเครื่องทรงฤดูหนาวถวาย พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจึงมีเครื่อง
พระราชพิธีเครื่องทรงพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงครบทั้ง 3 ฤดู พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรนับว่าเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญประการหนึ่งที่พระมหากษัตริย์ตั้งเเต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน จะต้องเสด็จฯเป็นผู้เเทนพระองค์ กำหนดวันเปลี่ยนเครื่องทรงพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
กำหนดการวันเปลี่ยนเครื่องทรงพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมีดังนี้
วันเเรม 1 ค่ำ เดือน 4 เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน
รูปพระเเก้วมรกตทรงเครื่องฤดูฝน
วันเเรม 1 ค่ำ เดือน 12 เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาว
กำเเพงเชร เชียงราย เเละที่เชียงรายนี้เอง เจ้าเมืองหวงเเหนมากเเละเกรงว่าจะถูกเจ้าเมืองอื่นเเย่งชิงไปจึงเอาปูนหุ้มไว้เเละลงรักปิดทองเเล้วบรรจุไว้ในพระเจดีย์ เมื่อมีการค้นพบพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธ
หลักฐานเเน่ชัดเริ่มเมื่อ พ.ศ.1977 ที่เจดีย์ที่วัดพระเเก้วจังหวัดเชียงรายที่บรรจุพระเเก้วมรกตองค์พระหุ้มด้วยปูนเเละลงรักปิดทองก่อนการค้นพบต่อมา
รูปภาพวิหารปัจจุบันที่สมัยก่อนได้อัญเชิญพระเเก้วมรกตมาไว้ที่นี้
มหามณีรัตนปฏิมากรที่พระเจดีย์ในเชียงราย พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรก็ได้รับการอัญเชิญไปเมืองต่างๆคือ ลำปาง เชียงใหม่ เวียงจันทน์ กรุงธนบุรี เเละประดิษฐานอย่างถาวร ณ กรุงเทพมหานคร สถานที่ประดิษฐานพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่มีหลักฐานเเน่ชัดก็เริ่มที่เมืองเชียงราย กล่าวคือ ในปี พ.ศ.1977 วันหนึ่งเกิดพายุฝน ฟ้าได้ผ่ายอดเจดีย์ใหญ่ในวัดเเห่งหนึ่งพังทลายลง จึงทำให้พบพระเเก้วมรกตในเจดีย์นั้น เเต่องค์พระหุ้มด้วยปูนลงรักปิดทอง ยังไม่ทราบว่าเป็นพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทางวัดได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในวิหาร(ต่อมาชาวเมืองเรียกวัดนี้ว่า วัดพระเเก้ว)
หลังจากนั้นไม่นานปูนที่ลงรักปิดทองหุ้มองค์พระกะเทาะออกตรงปลายพระนาสิก เจ้าอาวาสเห็นเป็นเเก้วสีเขียวงดงาม เมื่อเเกะปูนออกทั้งองค์จึงพบว่าพระพุทธรูปหรือพระเเก้วมรกตองค์นี้สร้างด้วยเเก้วทึบทั้งเเท่ง เเละไม่มีส่วนใดชำรุด เสียหายเลยเเม้เเต่น้อย ท้าวเพี้ยผู้รักษาเมืองเชียงรายซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองเชียงใหม่ เมื่อทราบเรื่องได้ส่งข่าวไปยังพระเจ้าสามฝั่งเเกน เจ้าเมืองเชียงใหม่ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้จัดกระบวนช้างเเห่ ไปอัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อมาประดิษฐานยังเมืองเชียงใหม่ ขณะทึ่เดินทางมาถึงทางเเยกไปเมืองลำปาง ช้างที่อัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรก็วิ่งตื่นไปทางเมืองลำปาง เเม้ว่าจะมีการเปลี่ยนช้างเชือกอื่น ช้างก็ยังคงมุ่งหน้าไปเมืองลำปางอยู่นั่นเอง เจ้าเมืองเชียงใหม่เชื่อว่าเทวดาที่รักษาองค์พระเเก้วมรกตคงไม่อยากไปอยู่เชียงใหม่ จึงให้อัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ประดิษฐที่เมืองลำปางเป็นเวลา 32 ปี ในปี พ.ศ.2011 พระเจ้าติโลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากร ไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวงเมืองเชียงใหม่เป็นเวลา 86 ปี ในปี พศ.2094 พระเจ้าไชยาเชษฐา พระราชนัดดาของเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ก่อนได้เป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
หนึ่งปีต่อมา คือ พ.ศ.2095 เกิดข้อพิพาทกันกันในระหว่างพระญาติวงศ์ในกรุงศรีสัตนาคนหุตหรือล้านช้าง เนื่องจากพระองค์เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของเจ้าเมืองล้านช้าง พระองค์จึงต้องเสด็จฯไประงับข้อพิพาทในการเสด็จฯไปครั้งนี้ ได้อัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรไปหลวงพระบาง เมืองหลวงของล้านช้างด้วย เพื่อให้พระญาติได้มนัสการเเละบำเพ็ญกุศล เเต่เนื่องจากพระองค์ได้รับการอัญเชิญให้ขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีสัตนาคนหุต จึงได้เสด็จกลับเชียงใหม่ดังนั้นพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจึงคงอยู่ที่หลวงพระบางเป็นเวลาถึง 12 ปี พ.ศ. 2107 พระเจ้าไชยาเชษฐา ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองเวียงจันทร์ จึงอัญเชิญพระเเก้วมรกตไปประดิษฐ ณ วัดพระเเก้วที่เวียงจันทน์ พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร อยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ นานถึง 214 ปี
พ.ศ.2321 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เกิดสงครามระไทยกับกรุงศรีสัตนาคนหุต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นเเม่ทัพยกไปตีเมืองเวียงจันทน์ได้จึงอัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรกลับประเทศไทยดังเดิม พระเเก้วมรกตประดิษฐานอยู่ ณ โรงพระเเก้ว ในบริเวณพระราชวังกรุงธนบุรีเป็นเวลา 6 ปี
ในปี พ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬาจุฬาโลกมหาราชได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อสร้างเสร็จเเล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีพิธีอัญเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทางชลมารค เเห่ข้ามฟากจากกรุงธนบุรีมาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2327
พระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จึงได้มีที่ประดิษฐานอย่างถาวรนับตั้งเเต่นั้นมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬาจุฬาโลกมหาราชได้ทรงเชิญพระเเก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร กลับมาเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองให้ชาวไทยได้สักการบูชาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง ตราบเท่าทุกวันนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ