ติดตามข่าวสารทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยได้ที่หัวข้อด้านซ้ายมือผู้อ่านครับ เเละขออภัยครับสำหรับท่านที่ส่งให้ดูพระหรือให้บูชาพระทาง emailบางครั้งผู้จัดไม่ได้เข้าไปตอบกลับหรือตอบกลับเเต่ก็เป็นเเค่พื้นฐานตามหลักสากลนิยมเท่านั้นเเต่ก็มีอาจารย์หลายๆท่านที่วงการยอมรับเเละที่ตรวจเช็คจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเท่านั้นในการชี้ขาดในการส่งประกวดเเล้วเเต่ละงานควรเลือกดูด้วยตัวท่านเองหรือถ้าให้มั่นใจควร ส่งพระให้สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยออกใบรับรองพระแท้ซึ่งสมาคมจะเชิญผู้ชำนาญการพระเเต่ละประเภทมาทำการตรวจสอบ สมาคมจัดประมาณปีละ ๒-๓ ครั้ง ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น ๓ ในเเต่ละปีก็สามารถติดตามข่าวสารจากสมาคมได้น่ะครับจากที่กล่าวมาเเล้ว ขอบคุณครับ

หน้าเว็บ

พระบรมธาตุเจดีย์เเละประวัติพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระบรมธาตุเจดีย์เเละประวัติพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
สัญลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่รู้จักกันเเพร่หลายก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ถือเป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เเละเป็นมิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เนื่องจากพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นที่บรรจุพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชอยู่ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารซึ่งเป็นวัดเก่าเเก่มาก                                                                                                             


จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราชเเละหลักฐานทางโบราณคดีทำให้สันนิษฐานว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงสร้างในเวลาที่ใกล้เคียงกับการสร้างเมืองนครศรีธรรมราช วัดนี้ตั้งอยู่ในเขตกำเเพงเมืองโบราณ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง มีถนนราชดำเนินตัดผ่านหน้าวัด ลักษณะของพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นทรงคว่ำหรือระฆังคว่ำปากของระฆังติดกับพื้นกำเเพงเเก้ว ที่มุมกำเเพงเเก้วทั้ง 4 มุมมีพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชจำลองไว้ องค์พระบรมธาตุเจดีย์นี้พระเจดีย์มีความสูงวัดจากพื้นดินถึงยอดได้ 53.075 เมตร บางตำราก็ว่า 77 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐานยาว 22.98 เมตร ฐานขององค์พระบรมธาตุเจดีย์นี้พระเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีหัวช้างยื่นออกมาจากฐาน          



ปลียอดทองคำ




กลีบบัวทองคำ

รวมทั้งหมด 22 หัวยอดองค์พระบรมธาตุเจดีย์นี้พระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม ส่วนที่หุ้มทองไว้นี้ยังมีทองรูปพรรณนานาชนิด เช่น เเหวน กำไล ต่างหู ผูกเเขวนไว้ด้วยเส้นลวดเป็นจำนวนมาก บนยอดสุดองค์พระบรมธาตุเจดีย์มีหม้อทองคำ 1 ใบ โตขนาดเท่าฟองไข่ไก่วางหงายไว้ ในหม้อมี

ยอดพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช

ปิ่นทองคำทำเป็นคันธง ห้อยด้วยใบโพทอง มีดอกไม้ไหวทำด้วยกระดุมเพชร 4 ทิศ 4 ดอก ปักไว้ในหม้อ ใต้หม้อทองคำมีกำไลหยกวงหนึ่งรองรับอยู่ ปล้องไฉนคือปล้องที่ยอดพระเจดีย์มีจำนวนทั้งสิ้น 52 ปล้อง หน้ากระดานปล้องไฉนมี พระเวียน คือ พระมหาสาวก 8 องค์ ประนมมือยืนเวียนเป็นทักษิณาวัตร ได้เเก่ พระโกณฑัญญะ พระมหากัสสปะ พระสารีบุตร พระอุบาลี พระอานนท์ พระควัมปติ พระโมคคัลลานะ เเละพระราหุล พระระเบียงตีนธาตุหรือเรียกว่า วิหารทับเกษตร ได้เเก่ วิหารที่อยู่โดยรอบฐานองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวิหารที่เเสดงขอบเขตของพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชนั้นมีความยาวเท่ากันทั้ง 4 ด้าน คือ 18 วา 1 ศอก 14 นิ้ว กว้างเท่ากันทั้ง 4 ด้านคือ 2 วามีพระพุทธรูปปางต่างๆทั้งที่เป็นปูนปั้นเเละสำริด ประดิษฐานเรียงรายเต็มทั้ง 4 ด้าน รวมเเล้วประมาณ 100 องค์ ในสมัยโบราณเคยใช้พระวิหารนี้ประกอบ พิธีสร้างเงินตรานโมเพื่อใช้เป็นอาถรรพณ์เเก้โรคระบาด ถัดเข้าไปจากพระระเบียงวิหารคดมีเจดีย์ขนาดต่างๆอันเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรียงรายเป็นระเบียบอยู่โดยรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช มีจำนวนทั้งสิ้น 185 ลักษณะองค์เจดีย์คล้ายกับพระบรมธาตุเจดีย์ เข้าใจว่าสร้างขึ้นเพื่อ เป็นเจดีย์บริวาร รอบๆองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชมีกำเเพงเเก้ว 4 ด้าน กว้างยาวเท่ากันทุกด้าน คือ 12 วา 2 ศอกมีใบเสมาเเละรั้วเหล็กเเละมีกระดิ่งทำเป็นระฆังห้อยใบโพไว้โดยรอบ เวลาลมพัดเกิดเสียงไพเราะน่าฟัง ที่ฐานของพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชนั้น ตามความเชื่อที่มีมาเเต่โบราณเล่ากันว่า มีสระรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสยาว 8 วา ลึก 5 วา อยู่ภายใต้องค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ภายในสระใหญ่นี้มีสระเล็กอีกสระหนึ่ง ความยาว 2 วา ลึก 2วา สระนี้บรรจุพิษของพญานาคอยู่เต็ม มีขันทองลอยอยู่ เเละภายในขันมีผอบทองซึ่งมีพระบรมสารีกธาตุประดิษฐานที่มุมสระทั้ง 4 มุม ทุกมุมมีตุ่มบรรจุทองคำวางอยู่มุมละตุ่ม ทองคำหนักตุ่มละ 38 คนหาบ ลักษณะของพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเมื่อเเรกสร้างนั้นไม่ได้เป็นรูปทรงอย่างที่เห็นในปัจจุบัน พระเจดีย์องค์เดิมอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ใหม่นี้สร้างในสมัยศรีวิชัย ประมาณ พ.ศ.1300 ตามความเชื่อของพุทธศาสนาฝ่ายหินยานพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช เดิมจึงสร้างเเบบสถาปัตยกรรมศรีวิชัย ดังนั้น จึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับพระบรมธาตุไชยาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปลายสมัยศรีวิชัย ประมาณ พ.ศ.1700 พุทธศาสนาลักธิหินยานเจริญรุ่งเรืองมากในลังกา พระสงฆ์จากนครศรีธรรมราชก็ไปศึกษาธรรมวินัยที่ลังกาด้วย เมื่อกลับมาได้ชักชวนพระสงฆ์ชาวลังกามาตั้งคณะสงฆ์ลัทธิลังกาวงศ์ที่เมืองนครศรีธรรมราช ระยะนั้นพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชทรุดโทรมมาก พระสงฆ์จากลังกาจึงช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ตามสถาปัตยกรรมเเบบลังกา โดยก่อสถูปครอบพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชองค์เดิมไว้ มาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์เป็นการใหญ่ จึงทำให้ทราบว่าภายในองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชทรงลังกาที่เห็นอยู่ในขณะนี้มีพระบรมธาตุเจดีย์ทรงศรีวิชัยปรากฎอยู่ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ทรงมีความเชื่อว่าพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชองค์เดิมมีรูปทรงเป็นมณฑปเเบบเดียวกับพระบรมธาตุไชยา โดยทรงพิจารณาจากหลักฐานที่ปรากฏ ดังนั้น จึงโปรดให้ช่างย่อส่วน พระบรมธาตุไชยามาประดิษฐานไว้ข้างวิหารพระธรรมศาลา หน้าประตูทางเข้าพระวิหารคด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เห็นลักษณะพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชองค์เดิม คือ มีลักษณะเป็นมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนยอดเป็นสถูปเเละมีเจดีย์บริวาร 4 มุม ตำนานเกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช มีความโดยว่า ท้าวโกสีหราช เจ้าเมืองทนทบุรี ได้พระทันตธาตุของพระพุทธเจ้ามาไว้ในเมือง ท้าวอังกุศราช เจ้าเมืองชนทบุรีซึ่งอยู่ ค่อนไปทางใต้ จึงยกทัพไปเเย่งชิงเเต่ไม่ได้มา เพราะนางเหมชาลากับทันทกุมาร ซึ่งเป็นพระธิดาเเละพระโอรสของท้าวโกสีหราชได้เชิญพระทันตธาตุ หนีลงสำเภาไปลังกา เกิดพายุพัดจัด สำเภาล่มเจ้าทั้ง 2 พระองค์จึงว่ายน้ำมาขึ้นหาดทรายเเก้ว นำพระธาตุฝังไว้ในหาดทราย เเล้วเจ้าทั้ง 2 พี่น้องก็เเอบซ่อนตัวอยู่ต่อมามีพระอรหันต์องค์หนึ่งเหาะผ่านมาเห็นรัศมีพระธาตุช่วงโชติก็ลงมาไปนมัสการเจ้าทั้ง 2 พี่น้องก็เล่าความให้พระอรหันต์ฟัง พระอรหันต์จึงทำนายว่า ต่อไปภายหน้า ณ ที่เเห่งนี้จะมีเจ้าเมืององค์หนึ่ง ชื่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชมาตั้งเมืองใหญ่ จะก่อพระเจดีย์สูง 37 วา เเล้วพระอรหันต์ก็กลับไป เจ้ากุมารทั้งสองก็เชิญพระธาตุไปลังกา เจ้าลังการับไปไว้บนปราสาท เเล้วเเบ่งพระบรมธาตุให้เจ้า 2 พี่น้องทะนานหนึ่งให้มหาพราหมณ์ 4 คนพากลับมายังหาดทรายเเก้วที่ฝังพระทันตธาตุเมื่อมาถึงก็จัดการเเบ่งพระธาตุเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใส่ผอบเเก้วเเล้วใส่เเม่ขันทองฝังไว้รอยเดิมที่ฝังพระทันตธาตุ ก่อพระเจดีย์สวมไว้ อีกส่วนนำไปไว้ให้เจ้าเมืองทนทบุรี กล่าวถึงเมืองหงสาวดีซึ่งเป็นเมืองใหญ่ มีพระมหาธาตุเเละพระพุทธรูปจำนวนมาก เจ้าเมืองชื่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ต่อมาเกิดภัยพิบัติผู้คนล้มตายมาก พระองค์จึงอพยพไพร่พลราษฎรมาอยู่ริมหาดทรายเเก้ว พบเเก้วดวงหนึ่งเท่าลูกหมาก จึงนำไปถวายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช พระองค์มีศรัทธาในการกุศลได้ชักชวนผู้คนให้มาช่วยกันสร้างเมือง ณ หาดทรายเเก้วนั้นเป็นเมืองนครศรีธรรมราชมหานคร เเล้วให้ทำอิฐทำปูนก่อพระธาตุขึ้นสูง 37 วาตามคำทำนายขณะนั้นศักราชได้ 1098 ปีเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชองค์ต่อๆมาก็ได้ช่วยกันสร้างเพิ่มเติม

การสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชประจำปีที่จัดว่าเป็นงานใหญ่มีอยู่ 3 ระยะคือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา เเละวันสารทเดือนสิบ เป็นงานที่มีพุทธศาสนิกชนมารวมกัเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวเมืองนครศรีธรรมราชเเละจากจังหวัดอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเเห่งนี้โดยเฉพาะอีกหลายอย่างเช่น                                                                                                                                                         ประเพณีเเห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติตามความเชื่อที่มีมาตั้งเเต่สมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชซึ่งทรงจัดพิธีสมโภชพระธาตุขึ้น สืบเนื่องจากการที่ชาวพุทธเมืองหงสาวดีจำนวน 100 คนเดินทางนำ

พระบฏ (ผ้าเเถบที่มีลายเขียนเรื่องพระพุทธประวัติ) ไปบูชาพระพุทธบาทในลังกา เรือโดนพายุที่ชายฝั่งเมืองนครศรีธรรมราช คลื่นซัดผ้าผืนนี้มาเกยฝั่งปากพนังก่อนจะถึงวันสมโภช พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงรับสั่งให้ซักพระบฎให้สะอาด เเล้วถามหาเจ้าของ มีผู้รอดชีวิติมาได้ 10 คน เมื่อพระองค์ถามความสมัครใจเจ้าของว่าจะยินยอมให้นำพระบฎไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชหรือไม่ทั้งหมดก็ยินดี จึงรับสั่งให้นำพระบฎขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชในคราวสมโภชครั้งนั้นด้วย นับเป็นครั้งเเรกที่นำพระบฎห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นพุทธบูชาเเละยึดถือปฎิบัติกันมาเป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือในวันมาฆบูชา เเละ วันวิสาขบูชาพระบฎนี้นิยมใช้ผ้าพื้นสีขาวเเดง หรือเหลือง มาเย็บต่อกันเป็นเเถบยาวนับเป็นพันๆหลา เงินที่ใช้จ่ายในงานนี้ก็ได้จากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทำบุญร่วมกัน ชาวเมืองจะจัดขบวนเเห่อันยาวเหยียดตามความยาวของผ้า ซึ่งบางครั้งยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เชิญพระบฎไปยังองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช เเล้วช่วยกันนำไปโอบรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช นับเป็นประเพณีที่ดีอย่างหนึ่งของชาวนครศรีธรรมราช นอกจากเป็นการบูชาพระบรมธาตุเจดีย์เเล้วยังเป็นการประสานสามัคคีกันด้วย

ประเพณีตักบาตรธูปเทียน เป็นการถวายสังฆทานเนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษาคือเเรม 1 ค่ำ เดือน 8 จัดขึ้นในวัดพระมหาธาตุอันเป็นวัดที่ตั้งพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช โดยมีพระสงฆ์จากวัดต่างๆทั้งในเเละนอกเมืองยืนเรียงรายเป็นเเถวที่หน้าวิหารทับเกษตร เพื่อรับบิณฑบาตดอกไม้ธูปเทียนเริ่มตั้งเเต่บ่าย 2 โมง ชาวเมืองก็จะนำดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย จากนั้นก็จุดไฟบูชา โดยวางไว้ทึ่ฐานพระเจดีย์เเละหน้าพระพุทธรูป ปัจจุบันการตักบาตรธูปเทียนได้เปลี่ยนไป นอกเหนือจากการถวายพระในบริเวณวัดมหาธาตุเเล้วจะถวายพระเวลาบิณฑบาตก็ได้ ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามอีกอย่างหนึ่งของชาวนครศรีธรรมราช

เนื่องจากพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นปูชนียสถานที่สำคัญมาเเต่ครั้งอดีตกาล นับได้เป็นจำนวนไม่น้อกว่าพันปี ผู้ที่ครองเมืองนครศรีธรรมราชในยุคเเรก ตลอดจนกษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัยก็ยังมีพระทัยเลื่อมใสศรัทธาเเละมีการบูรณปฎิสังขรณ์กันเสมอมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อให้มีสภาพที่ดีเจริญใจเจริญตาสำหรับอนุชนได้เคารพบูชา อีกทั้งเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ส่วนประเพณีอันดีงามที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาก็มาจากเเรงบันดาลใจในความเลื่อมใสศรัทธาของชาวนครศรีธรรมราชต่องค์พระบรมธาตุเจดีย์หรือพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชทั้งสิ้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ

กระดานพูดคุยเเสดงความคิดเห็นทั่วไป

comments powered by Disqus

เเสดงความคิดเห็นผ่านFacebook