ติดตามข่าวสารทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยได้ที่หัวข้อด้านซ้ายมือผู้อ่านครับ เเละขออภัยครับสำหรับท่านที่ส่งให้ดูพระหรือให้บูชาพระทาง emailบางครั้งผู้จัดไม่ได้เข้าไปตอบกลับหรือตอบกลับเเต่ก็เป็นเเค่พื้นฐานตามหลักสากลนิยมเท่านั้นเเต่ก็มีอาจารย์หลายๆท่านที่วงการยอมรับเเละที่ตรวจเช็คจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเท่านั้นในการชี้ขาดในการส่งประกวดเเล้วเเต่ละงานควรเลือกดูด้วยตัวท่านเองหรือถ้าให้มั่นใจควร ส่งพระให้สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยออกใบรับรองพระแท้ซึ่งสมาคมจะเชิญผู้ชำนาญการพระเเต่ละประเภทมาทำการตรวจสอบ สมาคมจัดประมาณปีละ ๒-๓ ครั้ง ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น ๓ ในเเต่ละปีก็สามารถติดตามข่าวสารจากสมาคมได้น่ะครับจากที่กล่าวมาเเล้ว ขอบคุณครับ

หน้าเว็บ

ประวัติพระประธานวัดระฆังโฆสิตารามหรือพระประธานยิ้มรับฟ้า

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พระประธานวัดระฆังโฆสิตารามหรือพระประธานยิ้มรับฟ้า                                                                       


ตามข้อสันนิษฐานเเละประวัติความเป็นมาถือว่าเป็นต้นเเบบจำลองการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังฯร่วมกับพระต้นเเบบทางกำเเพงเพชรหรือพระซุ้มกอ ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ต้นเเบบไปสร้างพระสมเด็จวัดระฆังที่มีชื่อเสียง ณ ปัจจุบัน
พระประธานวัดระฆังโฆสิตารามหรือพระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ วัสดุเนื้อทองสำริดลงรักปิดทอง หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอก ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท กั้นด้วยเศวตฉัตร 9 ชั้น เดิมเป็นฉัตรกั้นพระเมรุของรัชกาลที่ 1 ซึ่งพระองค์ทรงขอให้นำไปถวายพระประธานวัดระฆังฯ เมื่อ พ.ศ.2352


ต่อมารัชกาลที่ 6 ทรงเปลี่ยนเศวตฉัตรจากผ้าตาดขาว มาเป็นผ้าขาวลายฉลุปิดทอง โดยใช้โครงของเก่า และมีการเปลี่ยนผ้าอีกครั้งใน พ.ศ.2504 โดยรัชกาลปัจจุบัน
พระประธานวัดระฆังโฆสิตารามหรือพระประธานยิ้มรับฟ้า องค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก
มีเรื่องเล่าขานสืบมาว่า ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินบำเพ็ญกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม
ได้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆังฯ พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที"
พระประธานวัดระฆังโฆสิตารามหรือพระประธานยิ้มรับฟ้าองค์นี้ มี "ตำนาน" สำคัญที่เล่าขานกันมาอยู่ว่าครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม มีพระราชดำรัสว่า "ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆังฯ พอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที" กับทั้งยังได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกแด่พระประธาน เป็นเครื่องหมายแห่งความพอพระราชหฤทัยพระพุทธรูปองค์นี้ไม่มีนามเฉพาะ แต่สืบเนื่องจากเรื่องราวดังกล่าวก็ทำให้มีผู้ขนานนามว่า "พระประธานยิ้มรับฟ้า"



วัดระฆังฯเป็นวัดเก่าแก่มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดบางว้าใหญ่หรือบางหว้าใหญ่ในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงปฏิัสังขรณ์และยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงด้วยอยู่ใกล้กับพระราชวัง (คือพระราชวังเดิมปัจจุบัน) ต่อมาในรัชกาลที่ ๑ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี(สา) พระเชษฐภคินี(พี่สาว) ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ในครั้งนั้นได้ขุดพบระฆังใบหนึ่งมีเสียงไพเราะมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงขอไปไว้ยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังมาชดเชยให้ ๕ ใบ ด้วยเหตุนี้จึงพระราชทานชื่อวัดว่า วัดระฆังโฆสิตาราม วัดระฆังนับเป็นวัดที่มีความสำคัญสืบเนื่องจากกรุงธนบุรีมาจนกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกประชวรใกล้เสด็จสวรรคต มีพระราชดำรัสสั่งให้นำพระเศวตรฉัตรที่กั้นพระบรมโกศไปถวายพระประธานวัดระฆัง
แต่พระประธานองค์ที่ได้รับพระราชทานพระเศวตรฉัตรนั้นเป็นคนละองค์กับพระประธานยิ้มรับฟ้าองค์ปัจจุบัน เดิมพระประธานของวัดระฆังฯเป็นพระพุทธรูปศิลาองค์เล็ก เมื่อมีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดระฆังครั้งใหญ่ในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างพระอุโบสถใหม่ประดิษฐานพระประธานองค์ใหม่ แล้วโปรดให้นำพระเศวตรฉัตรที่กั้นพระประธานในพระอุโบสถเก่ามากั้นถวายพระประธานองค์ใหม่ด้วย ส่วนพระประธานองค์เก่าภายหลังได้มีการพอกปูนให้มีขนาดใหญ่ขึ้นขึ้น ประดิษฐานไว้ในพระวิหารก็คือพระอุโบสถหลังเดิม




1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

องค์สวยงามครับ

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ

กระดานพูดคุยเเสดงความคิดเห็นทั่วไป

comments powered by Disqus

เเสดงความคิดเห็นผ่านFacebook