ช้องหมูป่า ตับคนเป็นเหล็ก เคราคนเป็นทองเเดงโดยพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ตามบันทึกของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมือ่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2481 ผมไปจับผู้ร้ายสำคัญ
ฆ่าคนปล้นทรัพย์เเหกคุกเเละเเยกดินเเดน ชื่อ อะเเวสะดอ ตา เเละที่เชิงเขา บูโด ตำบลกะเยาะมาตี อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ผู้ร้ายคนนี้ยิงไม่เข้า ไม่ออก ยิงไม่ถูก ตำรวจกองปราบยิงมาเเล้วเจ็ดครั้ง ครั้งที่เเปดผมเป็นผู้ไปจับยิงหมดลูกปืนเกือบร้อยนัดจนถึงต้องต่อยมัดเอาจึงได้ตามตัวเเละตามเสื้อผ้าไม่มีรอยกระสุนเลย กระสุนถูกที่หน้าผากหนึ่งนัด ในปากหนึ่งนัด ที่ลูกกระเดือกหนึ่งนัดปากไม่เเตก ฟันไม่เเตกเเละไม่หัก หนังไม่ขาด เลือดไม่มี ลูกปืนที่ยิงเข้าปากมันอมไว้ทั้งเก้าเม็ด คายออกเมื่อไห้ถ้อยคำ อะเเวสะดอมีช้องหมูป่า เคราคนเป็นทองเเดง เเละตับคนเป็นเหล็กห้อยคอ ผู้ร้ายสำคัญยิ่งกว่าอะเเวสะดอ อีกคนหนึ่งชื่อนายกลับ คำทอง เป็นชาวอำเภอทับเที่ยง จังหวัดตรัง เป็นผู้ร้ายมาตั้งเเต่สมัย ดำหัวเเพร รุ่ง ดอกทราย สมัยรัชกาลที่ 6 เจ้าหน้าที่จับไม่ได้ บางคนตามจับมาตั้งเเต่หนุ่มจนเเก่ เช่น คุณยุทธ์ ประภาวัฒน์ ตามจับอยู่ถึง 11 ปี ไม่ได้พบเห็น ผมตามจับอยู่ 8 ปี ตั้งเเต่ปี พ.ศ. 2434 ได้พบตัวเมื่อวันพุธ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พศ 2485 เวลา 01.00นาฬิกาถึง 07.30นาฬิกาพวกเราไปกัน 6 คน มีนายเจิม ลูกงู เป็นผู้นำ มีผม พลฯบุญ กล้าหาญ พลฯมน ขุนยัง พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ พลฯกันภัย ณ ป้อมเพชร ตอนนั้นนายกลับ คำทองมีเมียอยู่ที่บ้านนาวง ตำบลบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง พวกเราไปซุ่มอยู่ตั้งเเต่ตอนกลางคืนของวันอังคาร ซุ่มอยู่ในสวนใกล้บ้าน ห่างจากเรือนไปทางทิศเหนือประมาณ 20 วา จนรุ่งเช้าเวลา 06.00 นาฬิกา ผมกับนายเจิม ลูกงู ก็เห็นนายกลับ คำทอง เปิดประตูระเบียงเรือนออกมายืนนอกชาน ตรงกับพวกเราซุ่มอยู่พอดี นายกลับ คำทองนุ่งผ้าพื้นลอยชายสีเขียวใบไม้ มีผ้าขาวม้าตาหมากรุกพาดไหล่ห้อย ชายไปข้างหลังทั้งสองข้าง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมองดูรอบๆอายุนายกลับประมาณ 60 ปี เเต่ตำรวจคนอื่นๆที่ไปด้วยมิได้มองเห็นตัวนายกลับ คำทองเลยผมกับนายเจิม ลูกงู จ้องดูอยู่ราว 15 นาที หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นอีก อีกสักครู่หนึ่งได้ยินเสียงคนฟันไม้ เเละปักไม้ทางตะวันตกเรือน นายเจิมบอกว่านายกลับ คำทอง ทำคอกควายใหม่พร้อมกับลูกเลี้ยงอายุราว 17 ปี พวกเรามองไม่เห็นเพราะมีป่าบัง พวกเราจึงได้เคลื่อนที่โดยการคลานเพราะหญ้าในสวนสูง เพียงกลางขาเท่านั้น จนเข้าไปใกล้ระยะห่างกันราว 8 วา ผมกับนายเจิมก็เห็นนายกลับ คำทอง ผูกรั้วเดินหน้าไปทางตะวันออก ลูกเลี้ยงปักกระทู้นำหน้า เเม้จะใกล้ขนาดนั้นเเล้วเเต่ตำรวจก็ยังมองไม่เห็นพอดีห่างจากตัวนายกลับ คำทอง เดินไปยังจอมปลวก พวกเราจึงรีบเคลื่อนที่เข้าไปให้ถึงตัวเเล้วต่อยจับเอา เพราะนายกลับ คำทองผู้นี้อยู่คงกระพัน ยิงไม่ออก ยิงไม่ถูก ยิงไม่เข้า ถ้าใช้ปืนยิงก็จะจับไม่ได้ จึงห้ามไม่ให้ใครยิง ผมจะเข้าไปต่อยก่อนเเล้วให้นายเจิมเเละตำรวจอีกคนเข้าไปช่วย ขณะที่พวกเรากำลังกำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาจอมปลวกนั้นเอง นายกลับ คำทอง ออกจากทึ่ผูกรั้วเดินขึ้นไปทางทิศตะวันตก เงยหน้ามองดูบนต้นไม้ นายเจิมขยับปืนลูกซองจะยิง เเต่ผมได้ห้ามไว้ ต่อจากนั้นนายกลับ คำทอง ได้เดินตรงมาหาพวกเราหน้ายังเงยดูเบื้องบนอยู่อย่างเดิม พอห่างจากพวกเรา 2 วา ก็เดิน เลี้ยวไปทางทิศตะวันตก ตำรวจทุกคนยังมองไม่เห็นตัว ขณะที่ผมกำลังเผลอนั่นเอง นายเจิม ลูกงู ยิงด้วยปืนลูกซองเบรานิง 2 นัด เเต่ไม่ถูก นายกลับหันมาดูเเล้ววิ่งไปทางตะวันตก ตอนนี้ตำรวจทุกคน ได้มองเห็นตัว เเละลุกขึ้นไล่กวดเป็นเเถวหน้ากระดาน พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ อยู่สุดเเถวทางขวา พลฯบุญ กล้าหาญ อยู่ทางซ้าย พอวิ่งไปถึงปลายสวน พวกทีอยู่กลางเเถวไปติดกอไผ่ ทางตะวันตกของกอไผ่ราว 3 ศอก มีคอกควายเก่า นายกลับ คำทอง ได้วิ่งเลี้ยวเข้าไปในระหว่างคอก ควายกับกอไผ่ พลฯบุญ กล้าหาญ วิ่งกระหนาบเข้ามาทางขวา นายกลับ คำทอง วิ่งวนไปมา เเล้วล้มลงนอนหงายท้องพร้อมกับชักมีดพกขึ้นมาเเทงรับไว้ เเล้วหมุนตัวไปรอบๆ พวกเราจะเข้าไปจับก็ไม่ถนัด ขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น นายกลับ คำทองก็ลุกขึ้นวิ่งเเหวกวงล้อมชน พลฯบุญ กล้าหาญ จนถลาไป นายกลับ คำทองวิ่งหนีไปทางตะวันตกเเล้วกระโดดลงไปในห้วย วิ่งไปตามลำห้วยน้ำในห้วยลึกประมาณ 1 ศอก ตำรวจทุกคนไล่กวดไปติดๆพร้อมกับยิงเข้าใส่ ผมถอยลงมาอยู่ข้างหลังเเละไม่ได้ยิงวิ่งไปได้ราว 2 เส้น พอถึงคดของห้วย มีวังน้ำลึก มีหาดทราย นายกลับ คำทอง ได้วิ่งขึ้นตลิ่ง พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ จึงยิงด้วยปืนพระรามหกในระยะ ห่างเพียง 2 วา ถูกระหว่างสะบักล้มหงายกลิ้งลงมาบนหาด ทรายที่พวกเรายืนอยู่เเล้วหายไปเฉยๆ โดยไม่มีร่องรอย ผมเข้าใจว่า คงจะกลับไปบ้านเพื่อเอาปืนเเละเครื่องรางจึงนำพวกวิ่งกลับมาที่บ้านนายกลับ คำทอง พบกับลูกเลี้ยงของนายกลับที่ข้างหลังเรือน ถามดูได้ความว่านายกลับ คำทอง ยังไม่กลับมาบ้าน ผมถามว่าเครื่องราง กับปืนของนายกลับอยุ่ที่ไหน ลูกเลี้ยงบอกว่าอยู่ใต้เสาดั้ง ห้องนอน ของนายกลับผมให้ขึ้นไปนำมาให้ เเต่ลูกเลี้ยงไม่ยอมขึ้นกลัวนายกลับจะฆ่าทั้งเเม่เเละตัวเขา ผมจึงให้ตำรวจ 4 คนขึ้น ไปค้นหาคนละ 3 เที่ยว เเต่ทุกคนก็หาไม่พบ จึงพากันกลับโรงพัก ก่อนกลับได้กำชับ ลูกเลี้ยงว่าพรุ่งนี้เวลา 9.00นาฬิกา จะกลับมาที่บ้านเพื่อสอบความจริงอีก รุ่งขึ้นพวกเรากลับไปที่บ้านนั้นอีกพบเเต่ลูกเลี้ยงอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว ได้พบว่าเเม่ยังไม่กลับ เเละได้เล่าว่าเมื่อวานนี้ขณะที่ตำรวจได้ขี้นไปค้นบ้าน นายกลับ คำทองได้มายืนอยู่ใกล้ๆ กับที่ลูกเลี้ยงยืนอยู่นั่นเอง เมื่อตำรวจกลับหมดเเล้ว นายกลับจึงบอกให้ลูกเลี้ยงขึ้นไปเอาปืนกับเครื่องรางมาให้ ลูกเลี้ยงบอกว่าตำรวจ 4 คนขึ้นไปค้นตั้งเเต่ 12 เที่ยวเเละเอาไปเเล้ว นายกลับบอกว่าของยังอยู่ตำรวจยังเอาไปไม่ได้ลูกเลี้ยงจึงบอกให้พ่อขึ้นไปเอาเอง นายกลับยังพูดต่อไปว่า บ้านนี้ไม่เหยียบจนกว่าจะครบ 7 ปี เพราะนายร้อย ขุนพันธ์ คนนั้นใด้ทำไว้หลายอย่าง นายกลับได้บอกให้ลูกเลี้ยงได้บอกให้ลูกเลี้ยงขึ้นไปนำมาให้เเล้วบอกว่าจะเดินทางไปเมืองตรัง ผมถามลูกเลี้ยงนายกลับว่าที่ถูกตำรวจยิงนั้นนายกลับเจ็บมากหรือเปล่า ลุกเลี้ยงบอกว่าเห็นบวมระหว่างสะบักโตเท่าผลส้มหัวจุก หลังจากนั้นลูกเลี้ยงก็บอกว่า นายกลับได้ขึ้นรถยนต์ไปเมืองตรังในตอนเช้าวันนั้น นายกลับคำทอง ผู้นี้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ทองเขาเอาะหรือเขาอ้อ เเละเป็นเกลอกับอาจารย์นำ เเก้วจันทร์ วัดดอนศาลา ชอบย่อยเบา ปล้นทรัพย์ ที่ผมรู้ครั้งเดียวคือที่บ้านสวนจันทร์ ตำบลทับเที่ยง จังหวัดตรัง ขณะนั้นคุณยุทธ์ ประภาวัฒน์ เป็นผู้กำกับเมืองตรัง ส่วนผมเป็นผู้กำกับพัทลุง นายกลับคนนี้ไม่เคยมีทำร้ายใคร ไม่เคยฆ่าคน ไม่ต่อสู้เจ้าพนักงาน ทรัพย์ที่ขึ้นลักขโมยก็เอาของที่อยู่ในหีบห่อ ของคู่ใช้จะไม่เอาเเละของทึ่เอานั้นยังเเบ่งส่วนไว้ให้เจ้าของอีกด้วย ในจังหวัดพัทลุงไม่เคยลักขโมยของใครเพราะถือว่าเป็นเมืองของอาจารย์ ในกลางปี พ.ศ. 2485 ผมย้ายไปทางเหนือเเละย้ายมาพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. 2492 นายกลับ คำทอง มีอายุมากเเล้วเเละเลิกประพฤติชั่ว กลับมาอีกที่บ้านเมียที่นาวง พอรู้ว่าผมกลับมาเขาก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองตรัง ทันที ผมให้อาจารย์นำไปบอกว่า ขอพบสักครั้งที่พัทลุงเเต่นายกลับไม่ยอมมาพบ บอกว่านายร้อยคนนั้นไว้ไจไม่ได้ มันยิงกูทีหนึ่งเเล้ว กูไม่ขอพบ
จากที่ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากข้อเขียนเเละบันทึกเรื่องช้องหมูป่า ตับคนเป็นเหล็ก เคราคนเป็นทองเเดงโดยพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นคนได้บันทึกไว้ เครื่องรางชนิดนี้ต้องได้มาจากสิ่งนั้นจริงๆถึงมีประสิทธิภาพเเละต้องได้ปลุกเสกจากอาจารย์ที่เคร่งครัดเเละมีศีลบริสุทธิ์เเละได้เรียนในทางด้านนี้โดยเฉพาะเเละอยู่ที่คนถือสิ่งนี้ด้วย
ตามบันทึกของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมือ่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2481 ผมไปจับผู้ร้ายสำคัญ
ฆ่าคนปล้นทรัพย์เเหกคุกเเละเเยกดินเเดน ชื่อ อะเเวสะดอ ตา เเละที่เชิงเขา บูโด ตำบลกะเยาะมาตี อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ผู้ร้ายคนนี้ยิงไม่เข้า ไม่ออก ยิงไม่ถูก ตำรวจกองปราบยิงมาเเล้วเจ็ดครั้ง ครั้งที่เเปดผมเป็นผู้ไปจับยิงหมดลูกปืนเกือบร้อยนัดจนถึงต้องต่อยมัดเอาจึงได้ตามตัวเเละตามเสื้อผ้าไม่มีรอยกระสุนเลย กระสุนถูกที่หน้าผากหนึ่งนัด ในปากหนึ่งนัด ที่ลูกกระเดือกหนึ่งนัดปากไม่เเตก ฟันไม่เเตกเเละไม่หัก หนังไม่ขาด เลือดไม่มี ลูกปืนที่ยิงเข้าปากมันอมไว้ทั้งเก้าเม็ด คายออกเมื่อไห้ถ้อยคำ อะเเวสะดอมีช้องหมูป่า เคราคนเป็นทองเเดง เเละตับคนเป็นเหล็กห้อยคอ ผู้ร้ายสำคัญยิ่งกว่าอะเเวสะดอ อีกคนหนึ่งชื่อนายกลับ คำทอง เป็นชาวอำเภอทับเที่ยง จังหวัดตรัง เป็นผู้ร้ายมาตั้งเเต่สมัย ดำหัวเเพร รุ่ง ดอกทราย สมัยรัชกาลที่ 6 เจ้าหน้าที่จับไม่ได้ บางคนตามจับมาตั้งเเต่หนุ่มจนเเก่ เช่น คุณยุทธ์ ประภาวัฒน์ ตามจับอยู่ถึง 11 ปี ไม่ได้พบเห็น ผมตามจับอยู่ 8 ปี ตั้งเเต่ปี พ.ศ. 2434 ได้พบตัวเมื่อวันพุธ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พศ 2485 เวลา 01.00นาฬิกาถึง 07.30นาฬิกาพวกเราไปกัน 6 คน มีนายเจิม ลูกงู เป็นผู้นำ มีผม พลฯบุญ กล้าหาญ พลฯมน ขุนยัง พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ พลฯกันภัย ณ ป้อมเพชร ตอนนั้นนายกลับ คำทองมีเมียอยู่ที่บ้านนาวง ตำบลบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง พวกเราไปซุ่มอยู่ตั้งเเต่ตอนกลางคืนของวันอังคาร ซุ่มอยู่ในสวนใกล้บ้าน ห่างจากเรือนไปทางทิศเหนือประมาณ 20 วา จนรุ่งเช้าเวลา 06.00 นาฬิกา ผมกับนายเจิม ลูกงู ก็เห็นนายกลับ คำทอง เปิดประตูระเบียงเรือนออกมายืนนอกชาน ตรงกับพวกเราซุ่มอยู่พอดี นายกลับ คำทองนุ่งผ้าพื้นลอยชายสีเขียวใบไม้ มีผ้าขาวม้าตาหมากรุกพาดไหล่ห้อย ชายไปข้างหลังทั้งสองข้าง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมองดูรอบๆอายุนายกลับประมาณ 60 ปี เเต่ตำรวจคนอื่นๆที่ไปด้วยมิได้มองเห็นตัวนายกลับ คำทองเลยผมกับนายเจิม ลูกงู จ้องดูอยู่ราว 15 นาที หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นอีก อีกสักครู่หนึ่งได้ยินเสียงคนฟันไม้ เเละปักไม้ทางตะวันตกเรือน นายเจิมบอกว่านายกลับ คำทอง ทำคอกควายใหม่พร้อมกับลูกเลี้ยงอายุราว 17 ปี พวกเรามองไม่เห็นเพราะมีป่าบัง พวกเราจึงได้เคลื่อนที่โดยการคลานเพราะหญ้าในสวนสูง เพียงกลางขาเท่านั้น จนเข้าไปใกล้ระยะห่างกันราว 8 วา ผมกับนายเจิมก็เห็นนายกลับ คำทอง ผูกรั้วเดินหน้าไปทางตะวันออก ลูกเลี้ยงปักกระทู้นำหน้า เเม้จะใกล้ขนาดนั้นเเล้วเเต่ตำรวจก็ยังมองไม่เห็นพอดีห่างจากตัวนายกลับ คำทอง เดินไปยังจอมปลวก พวกเราจึงรีบเคลื่อนที่เข้าไปให้ถึงตัวเเล้วต่อยจับเอา เพราะนายกลับ คำทองผู้นี้อยู่คงกระพัน ยิงไม่ออก ยิงไม่ถูก ยิงไม่เข้า ถ้าใช้ปืนยิงก็จะจับไม่ได้ จึงห้ามไม่ให้ใครยิง ผมจะเข้าไปต่อยก่อนเเล้วให้นายเจิมเเละตำรวจอีกคนเข้าไปช่วย ขณะที่พวกเรากำลังกำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาจอมปลวกนั้นเอง นายกลับ คำทอง ออกจากทึ่ผูกรั้วเดินขึ้นไปทางทิศตะวันตก เงยหน้ามองดูบนต้นไม้ นายเจิมขยับปืนลูกซองจะยิง เเต่ผมได้ห้ามไว้ ต่อจากนั้นนายกลับ คำทอง ได้เดินตรงมาหาพวกเราหน้ายังเงยดูเบื้องบนอยู่อย่างเดิม พอห่างจากพวกเรา 2 วา ก็เดิน เลี้ยวไปทางทิศตะวันตก ตำรวจทุกคนยังมองไม่เห็นตัว ขณะที่ผมกำลังเผลอนั่นเอง นายเจิม ลูกงู ยิงด้วยปืนลูกซองเบรานิง 2 นัด เเต่ไม่ถูก นายกลับหันมาดูเเล้ววิ่งไปทางตะวันตก ตอนนี้ตำรวจทุกคน ได้มองเห็นตัว เเละลุกขึ้นไล่กวดเป็นเเถวหน้ากระดาน พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ อยู่สุดเเถวทางขวา พลฯบุญ กล้าหาญ อยู่ทางซ้าย พอวิ่งไปถึงปลายสวน พวกทีอยู่กลางเเถวไปติดกอไผ่ ทางตะวันตกของกอไผ่ราว 3 ศอก มีคอกควายเก่า นายกลับ คำทอง ได้วิ่งเลี้ยวเข้าไปในระหว่างคอก ควายกับกอไผ่ พลฯบุญ กล้าหาญ วิ่งกระหนาบเข้ามาทางขวา นายกลับ คำทอง วิ่งวนไปมา เเล้วล้มลงนอนหงายท้องพร้อมกับชักมีดพกขึ้นมาเเทงรับไว้ เเล้วหมุนตัวไปรอบๆ พวกเราจะเข้าไปจับก็ไม่ถนัด ขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น นายกลับ คำทองก็ลุกขึ้นวิ่งเเหวกวงล้อมชน พลฯบุญ กล้าหาญ จนถลาไป นายกลับ คำทองวิ่งหนีไปทางตะวันตกเเล้วกระโดดลงไปในห้วย วิ่งไปตามลำห้วยน้ำในห้วยลึกประมาณ 1 ศอก ตำรวจทุกคนไล่กวดไปติดๆพร้อมกับยิงเข้าใส่ ผมถอยลงมาอยู่ข้างหลังเเละไม่ได้ยิงวิ่งไปได้ราว 2 เส้น พอถึงคดของห้วย มีวังน้ำลึก มีหาดทราย นายกลับ คำทอง ได้วิ่งขึ้นตลิ่ง พลฯจำเนียร นาคะวิโรจน์ จึงยิงด้วยปืนพระรามหกในระยะ ห่างเพียง 2 วา ถูกระหว่างสะบักล้มหงายกลิ้งลงมาบนหาด ทรายที่พวกเรายืนอยู่เเล้วหายไปเฉยๆ โดยไม่มีร่องรอย ผมเข้าใจว่า คงจะกลับไปบ้านเพื่อเอาปืนเเละเครื่องรางจึงนำพวกวิ่งกลับมาที่บ้านนายกลับ คำทอง พบกับลูกเลี้ยงของนายกลับที่ข้างหลังเรือน ถามดูได้ความว่านายกลับ คำทอง ยังไม่กลับมาบ้าน ผมถามว่าเครื่องราง กับปืนของนายกลับอยุ่ที่ไหน ลูกเลี้ยงบอกว่าอยู่ใต้เสาดั้ง ห้องนอน ของนายกลับผมให้ขึ้นไปนำมาให้ เเต่ลูกเลี้ยงไม่ยอมขึ้นกลัวนายกลับจะฆ่าทั้งเเม่เเละตัวเขา ผมจึงให้ตำรวจ 4 คนขึ้น ไปค้นหาคนละ 3 เที่ยว เเต่ทุกคนก็หาไม่พบ จึงพากันกลับโรงพัก ก่อนกลับได้กำชับ ลูกเลี้ยงว่าพรุ่งนี้เวลา 9.00นาฬิกา จะกลับมาที่บ้านเพื่อสอบความจริงอีก รุ่งขึ้นพวกเรากลับไปที่บ้านนั้นอีกพบเเต่ลูกเลี้ยงอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว ได้พบว่าเเม่ยังไม่กลับ เเละได้เล่าว่าเมื่อวานนี้ขณะที่ตำรวจได้ขี้นไปค้นบ้าน นายกลับ คำทองได้มายืนอยู่ใกล้ๆ กับที่ลูกเลี้ยงยืนอยู่นั่นเอง เมื่อตำรวจกลับหมดเเล้ว นายกลับจึงบอกให้ลูกเลี้ยงขึ้นไปเอาปืนกับเครื่องรางมาให้ ลูกเลี้ยงบอกว่าตำรวจ 4 คนขึ้นไปค้นตั้งเเต่ 12 เที่ยวเเละเอาไปเเล้ว นายกลับบอกว่าของยังอยู่ตำรวจยังเอาไปไม่ได้ลูกเลี้ยงจึงบอกให้พ่อขึ้นไปเอาเอง นายกลับยังพูดต่อไปว่า บ้านนี้ไม่เหยียบจนกว่าจะครบ 7 ปี เพราะนายร้อย ขุนพันธ์ คนนั้นใด้ทำไว้หลายอย่าง นายกลับได้บอกให้ลูกเลี้ยงได้บอกให้ลูกเลี้ยงขึ้นไปนำมาให้เเล้วบอกว่าจะเดินทางไปเมืองตรัง ผมถามลูกเลี้ยงนายกลับว่าที่ถูกตำรวจยิงนั้นนายกลับเจ็บมากหรือเปล่า ลุกเลี้ยงบอกว่าเห็นบวมระหว่างสะบักโตเท่าผลส้มหัวจุก หลังจากนั้นลูกเลี้ยงก็บอกว่า นายกลับได้ขึ้นรถยนต์ไปเมืองตรังในตอนเช้าวันนั้น นายกลับคำทอง ผู้นี้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ทองเขาเอาะหรือเขาอ้อ เเละเป็นเกลอกับอาจารย์นำ เเก้วจันทร์ วัดดอนศาลา ชอบย่อยเบา ปล้นทรัพย์ ที่ผมรู้ครั้งเดียวคือที่บ้านสวนจันทร์ ตำบลทับเที่ยง จังหวัดตรัง ขณะนั้นคุณยุทธ์ ประภาวัฒน์ เป็นผู้กำกับเมืองตรัง ส่วนผมเป็นผู้กำกับพัทลุง นายกลับคนนี้ไม่เคยมีทำร้ายใคร ไม่เคยฆ่าคน ไม่ต่อสู้เจ้าพนักงาน ทรัพย์ที่ขึ้นลักขโมยก็เอาของที่อยู่ในหีบห่อ ของคู่ใช้จะไม่เอาเเละของทึ่เอานั้นยังเเบ่งส่วนไว้ให้เจ้าของอีกด้วย ในจังหวัดพัทลุงไม่เคยลักขโมยของใครเพราะถือว่าเป็นเมืองของอาจารย์ ในกลางปี พ.ศ. 2485 ผมย้ายไปทางเหนือเเละย้ายมาพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. 2492 นายกลับ คำทอง มีอายุมากเเล้วเเละเลิกประพฤติชั่ว กลับมาอีกที่บ้านเมียที่นาวง พอรู้ว่าผมกลับมาเขาก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองตรัง ทันที ผมให้อาจารย์นำไปบอกว่า ขอพบสักครั้งที่พัทลุงเเต่นายกลับไม่ยอมมาพบ บอกว่านายร้อยคนนั้นไว้ไจไม่ได้ มันยิงกูทีหนึ่งเเล้ว กูไม่ขอพบ
จากที่ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากข้อเขียนเเละบันทึกเรื่องช้องหมูป่า ตับคนเป็นเหล็ก เคราคนเป็นทองเเดงโดยพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นคนได้บันทึกไว้ เครื่องรางชนิดนี้ต้องได้มาจากสิ่งนั้นจริงๆถึงมีประสิทธิภาพเเละต้องได้ปลุกเสกจากอาจารย์ที่เคร่งครัดเเละมีศีลบริสุทธิ์เเละได้เรียนในทางด้านนี้โดยเฉพาะเเละอยู่ที่คนถือสิ่งนี้ด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ