ท่านเสถียร เสถียรสุตกับหนังสือพระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์
ท่านเสถียร เสถียรสุต นักพระเครื่องอาวุโส ที่เซียนพระทุกยุคทุกสมัยต่างยกย่องในเกียรติประวัติอันงดงามของท่านมาโดยตลอด เมื่อกว่า ๒๐ ปีก่อน วงการพระเครื่องเมืองไทย มี นักพระเครื่องอาวุโส ท่านหนึ่งที่คนในวงการพระต่าง
ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นนักสะสมพระเครื่องผู้ยิ่งใหญ่ มีพระเครื่องยอดนิยมมากมาย ครบทุกประเภท อีกทั้งยังมีชาติตระกูลที่สูงส่ง มีฐานะความเป็นอยู่ในระดับเศรษฐีท่านหนึ่งของเมืองไทย ท่านผู้นี้คือ ท่านเสถียร เสถียรสุต ผู้ชื่นชอบการสะสมพระเครื่อง พอๆ กับการดูมวย จนถึงกับมีค่ายมวยของตัวเอง
** ในส่วนของแวดวงพระเครื่อง เซียนพระ รุ่นเก่าย่อมรู้จักชื่อเสียงและเกียรติคุณของ ท่านเสถียร เป็นอย่างดี มาถึงทุกวันนี้ ท่านได้ห่างเหินวงการพระไปนานพอสมควร แต่คนในวงการพระก็ยังระลึกถึงท่านเสมอ และพูดถึงแต่สิ่งที่ดีงามที่ท่านได้มอบให้วงการนี้ และสิ่งที่มีการพูดถึงบ่อยๆ สำหรับ เซียนพระรุ่นใหม่ ในทุกวันนี้ ก็คือ หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ภาพพระ ในหนังสือเล่มนี้เกือบจะทั้งหมดเป็นพระของ ท่านเสถียร ทั้งนั้น และเมื่อมีการเปลี่ยนมือพระองค์ใดในเวลาต่อมา ใครที่ได้พระที่มีภาพอยู่ในหนังสือเล่มนี้ จะรู้สึกภูมิใจมากที่สุด ยิ่งว่าใบประกาศนียบัตรชนะเลิศจากงานประกวดพระงานใหญ่ๆ เสียอีก พระที่มีการเช่าหากันทั่วๆ ไปในราคาองค์ละ ๑ หมื่นบาท หากมีภาพอยู่ในหนังสือเล่มนี้ราคาพระ ๒ หมื่นบาทก็มีคนเอา
พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์
** ที่ผ่านมา ยังมีผู้เข้าใจผิด (รวมทั้งคอลัมน์นี้) ว่า หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" เล่มนี้เป็น หนังสือแจกเป็นรางวัล ในงานประกวดพระที่ โรงเรียนจอมจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ โดยมี คุณหญิงจวบ จิรโรจน์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ เป็นประธานจัดงาน และมี ท่านเสถียร เสถียรสุต เป็นประธานดำเนินงาน นับเป็นงานประกวดพระที่ยิ่งใหญ่มากงานหนึ่งในสมัยนั้น
** ที่ว่ายังมีความเข้าใจผิด ก็เพราะว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้แจกเป็นรางวัล ในงานดังกล่าว หากแต่จัดพิมพ์ขึ้นมาเพื่อจำหน่าย เล่มละ ๕๐๐ บาท จำนวนพิมพ์ ๑,๐๐๐ เล่ม นำรายได้มอบให้สมาคมศิษย์เก่าดังกล่าว ปรากฏการณ์ในเวลานี้ หนังสือเล่มนี้มีการซื้อขายกันในตลาดพระเครื่องถึงเล่มละ ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท แต่ก็ยังหาซื้อไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีการวางขายบนแผงหนังสือใดเลย
** หนังสือเล่มนี้ มีการ จัดหน้า ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากหนังสือภาพพระเครื่อง ที่วางจำหน่ายในสมัยนั้นมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นภาพพระใหญ่ๆ หน้าละ ๑-๔ ภาพ แต่หนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นภาพเล็ก แต่มีจำนวนภาพมาก โดยตัดด้านหลังขององค์พระออกไป และวางภาพในรูปแบบที่มีศิลปะมากกว่า เป็นการออกแบบศิลปะและรูปเล่มโดย ผศ.นิพนธ์ ทวีกาญจน์ ทำให้ทุกวันนี้ มีหนังสือภาพพระเครื่องหลายเล่ม ได้นำรูปแบบการจัดหน้าจากหนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" มาเป็นต้นแบบก็มี
** ที่บอกกล่าวเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เนื่องมาจากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านเสถียร เสถียรสุต ได้กรุณาโทรศัพท์มาบอกให้ แล่ม จันท์พิศาโล ไปพบที่ห้องล็อบบี้ โรงแรมโฟว์ซีซั่นส์ ราชดำริ อันเป็นที่พำนักของท่าน นับเป็นความปลาบปลื้มใจสุดๆ สำหรับคนเล็กๆ อย่าง แล่ม จันท์พิศาโล ที่ ท่านเสถียร ได้เมตตาระลึกถึง และเรียกไปพบ
** วันนั้น ท่านเสถียร ได้สอบถามถึงคนเก่าๆ ในวงการพระ ที่เคยคบหาสมาคมกันเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ใครยังอยู่ใครอำลาจากไปโลกนี้ไปบ้าง ซึ่งเซียนพระรุ่นเก่าๆ เหล่านั้น ส่วนใหญ่ แล่ม จันท์พิศาโล ก็รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี แม้ว่าสมัยนั้นตัวเองจะยังอยู่ในชั้นอนุบาลของวงการพระก็ตาม ** ท่านเสถียร ในวันนี้กำลังจะย่าง ๘๐ ปี ในเดือนเมษายนนี้ แต่สุขภาพพลานามัยยังแข็งแรงดีมากๆ เพราะละวางไปหมดทุกอย่าง ไม่มีความเครียด และที่โชคดีมากๆ คือ ท่านไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย นับเป็นผู้มี ลาภอันประเสริฐจริงๆ
** ก่อนกราบลา ท่านเสถียร ในวันนั้น ท่านได้กรุณามอบ หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" พร้อมกับลายมือเขียนมอบให้ และลายเซ็นกำกับ นับเป็นพระคุณอย่างที่สุด เรื่องราวของ ท่านเสถียร คงจะได้นำมาบอกกล่าวเล่ากันใน "คมเลนส์ส่องพระ" ในโอกาสต่อไปอีก...ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง
วันนี้ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้รับภาพจาก "มิตรใหม่" ในแวดวงพระเครื่อง ที่มีพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่ต่างยกย่องกันว่า ท่านผู้นี้ "เล่นพระดีมีแต่พระแท้" และเมื่อได้พิจารณาจากภาพพระที่ได้รับมา ก็ต้องยอมรับว่า จริงอย่างที่ชาวบ้านเขาเล่าลือกัน จึงขอกดปุ่มเปิดป้ายประกาศเปิดตัว ด.ต.ก่อเกียรติ ไชยพยอม เจ้าของร้าน "ล้นเกล้า" สมาชิก ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน
** และเพื่อเป็นสิริมงคล...พระองค์แรกวันนี้ จึงขออัญเชิญ พระสมเด็จ จิตรลดา ปี ๒๕๐๙ พระเครื่องฝีพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นองค์ประเดิมคอลัมน์ในวันนี้ ** พระสมเด็จ จิตรลดา นับเป็นพระเครื่องเพียงรุ่นเดียวที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงออกแบบ ผสมมวลสารอันเป็นสิริมงคลมากมาย อีกทั้งยังทรงกดพิมพ์องค์พระด้วยพระองค์เอง โดยใช้เวลาที่ทรงว่างจากพระราชกรณียกิจในแต่ละวันแล้ว ช่วงปี ๒๕๐๘-๒๕๑๒ ทรงกดพิมพ์ครั้งละไม่มาก และพระราชทานเป็นการส่วนพระองค์แก่ผู้ใกล้ชิด ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ พลเรือน ประชาชน ฯลฯ เป็นระยะๆ ตามแต่โอกาสอันเหมาะสม
** ผู้สันทัดกรณีในเรื่อง พระสมเด็จ จิตรลดา ที่มีโอกาสได้สัมผัสจับต้องส่ององค์พระ พระสมเด็จ จิตรลดา มาบ่อยๆ และเป็นจำนวนมาก โดยมี ใบพระราชทานพระ กำกับมาด้วย จึงพอจะสรุปได้ว่า พระสมเด็จ จิตรลดา ในแต่ละปีมีความแตกต่างกันในด้านเนื้อหามวลสารประการใดบ้าง เนื่องจาก ใบพระราชทานพระ นั้นมีวันเดือนปีที่ได้พระราชทานระบุไว้ด้วย จึงพอสรุปได้ว่า ใบพระราชทานพระ ในช่วงแรกๆ จะมีมวลสารจำนวนมาก จนปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดบนองค์พระ อย่างองค์ที่เห็นนี้เป็น พระสมเด็จ จิตรลดา ปี ๒๕๐๙ สวยงามคมชัดมาก ใครได้ไว้ก็ย่อมเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดไป ของสูง อย่างนี้ แม้มีเงินล้านแต่ไม่มีวาสนาบารมี ก็ย่อมไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
เมื่อพูดถึง พระกริ่ง ๗ รอบ วัดบวรนิเวศวิหาร ๒๔๙๙ ย่อมเป็นรู้กันดีว่าเป็นพระกริ่งที่จำลองแบบองค์พระมาจาก พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร องค์พระกริ่งจึงไม่มีหม้อน้ำมนต์ที่พระหัตถ์ เหมือนเช่นพระกริ่งทั่วๆ ไป ที่มักจะมีหม้อน้ำมนต์อยู่ด้วยเสมอ ด้านหลังองค์พระกริ่งรุ่นนี้จะมีเลข ๗ ตรงบัวคว่ำบัวหงาย ๒ กลีบ ซึ่งหมายถึงพระชนมายุ ๗ รอบ (๘๔ พระชันษา) ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ใน พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คราวทรงพระผนวช ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม-๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙
** ในการประกอบพิธีเททองหล่อ พระกริ่ง ๗ รอบ นั้น ตามกำหนดเดิม จะมีขึ้นในวันที่ ๒-๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ แต่พอถึงวันดังกล่าว สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ทรงพระประชวร จึงทรงมอบหมายให้ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีแทน ต่อมาอีก ๒ วัน พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลาพระผนวช จึงนับได้ว่า พระกริ่ง ๗ รอบ เป็นพระกริ่งเพียงรุ่นเดียวที่ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเททอง ขณะทรงพระผนวช ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พระกริ่ง ๗ รอบ เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้คนทั่วๆ ไป ไม่ใช่เฉพาะแต่คนในวงการพระเท่านั้น ทำให้ราคาเช่าหา ณ เวลานี้อยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสนขึ้นไป ในองค์ที่สวยคมชัดมากๆ
** ในพิธีเททองเดียวกันนี้ ก็ได้ทรงเททองหล่อ พระพุทธชินสีห์ (จำลอง) ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว จำนวนหนึ่ง เป็นการเททองหล่อแบบโบราณเข้าดินไทย โดยถอดแบบพิมพ์มาจาก พระพุทธชินสีห์ องค์พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรฯ เช่นกัน พุทธลักษณ์จึงมีความงดงามอย่างที่สุด
ในองค์พระบูชา ๕ นิ้ว ที่จัดสร้างขึ้นนี้มีความเรียบร้อยสมบูรณ์มาก ตรงดวงพระเนตรได้มีการ ฝังมุก เอาไว้ด้วยทั้ง ๒ ข้าง เรียกว่า "ตามุก" ชื่อองค์พระคำว่า "พระพุทธชินสีห์" ที่ฐานชั้นล่างสุดนั้น แกะสลักด้วยช่างฝีมือคนเดียวกันทั้งหมดทุกองค์ ลายมือจึงเหมือนกันหมด หากไปพบเห็นองค์ไหนไม่ใช่ลายมือนี้ถือได้ว่าเป็น พระปลอม ทันที เพราะทุกวันนี้ พระรุ่นนี้มีปลอมมานานแล้ว จะไม่ให้ทำปลอมได้อย่างไร ในเมื่อ พระแท้ มีการเช่าหากันถึงหลักแสนขึ้นไป พระพุทธชินสีห์ องค์นี้เป็นของ ด.ต.ก่อเกียรติ ไชยพยอม แห่งร้าน "ล้นเกล้า" เช่นกัน ที่นี่มีวัตถุมงคลต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ "ในหลวง ร.๙" มากมาย หากต้องการศึกษาหาความรู้เป็นวิทยาทาน โทรไปหาได้ที่ ๐๘-๑๙๑๒-๖๘๖๕
** เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์เอเลฟเฟ่นทราเวล เอเยนซี เป็นชาวสุราษฎร์ธานี ผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจการท่องเที่ยวรอบโลกมาแล้วเป็นเวลานาน จนเป็นบริษัทนำเที่ยวและขายตั๋วสายการบินนานาชาติ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากบริษัทหนึ่งของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นพี่ชายของ ส.ส.ธนา ชีรวินิจ ทำให้มีความสนใจในการสะสมพระเครื่องเหมือนๆ กัน ทั้งพี่ทั้งน้อง และพระเครื่องที่สะสมก็ล้วนแต่เป็นพระยอดนิยมที่มีราคาแพงๆ ทั้งนั้น
ทั้งนี้ขอให้เป็น พระแท้ และ พระสวยจริงๆ ราคาเท่าไรก็เอา ล่าสุดก็ได้ พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พิมพ์สี่เหลี่ยมรัศมีประภามณฑล เนื้อทองแดง อันเป็นพระเอกลักษณ์ของ หลวงปู่ศุข โดยเฉพาะ เพราะไม่เคยมีใครที่ไหนจัดสร้างพระในรูปแบบพิมพ์นี้มาก่อน และด้วยความแก่กล้าคาถาอาคมอย่างสุดๆ ของ หลวงปู่ศุข ทำให้พระพิมพ์นี้มีการเช่าหากันในราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสนขึ้นไป โดยเฉพาะองค์ที่เห็นนี้ มีความสวยคมชัดมากเป็นพิเศษ จนถึงกับได้รางวัลชนะเลิศมาแล้ว จากงานประกวดพระที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ซึ่งเป็นงานประกวดพระที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่ง มีผู้ส่งพระเข้าประกวดจำนวนมาก พระองค์ไหนที่ได้รับรางวัลจากงานนี้ จึงย่อมเป็นพระที่สวยงามคมชัดอย่างแท้จริง
** พระเมืองสุพรรณ มีมากมายที่ล้วนน่าสนใจ โดยเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ คือ พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ เนื้อดินเผา ซึ่งเป็นกรุพระใหญ่ มีพระมากมายทั้งจำนวนองค์พระและจำนวนพิมพ์ ชนิดที่งดงามอลังการพิมพ์หนึ่งก็คือ พิมพ์ซุ้มเถาวัลย์เลื้อย ออกจากกรุจำนวนน้อย จึงพบเห็นยาก องค์ในภาพนี้สวยสมบูรณ์คมชัดมาก ราคาเช่าหาต้องเป็นแสนขึ้นไป เป็นพระของ สกลธี ภัททิยกุล ส.ส.หน้าใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ คนหนุ่มไฟแรง อายุเพิ่ง ๓๐ ปีเท่านั้นเอง ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กทม.เขต ๔ (พญาไท บางซื่อ จตุจักร หลักสี่) คู่กับ บุญยอด สุขถิ่นไทย และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งได้รับเลือกตั้งทั้ง ๓ คน
** ส.ส.สกลธี ภัททิยกุล มีชื่อเล่นว่า "จั้ม" จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท ด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา และ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เคยรับราชการอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และได้รับการดึงตัวจากนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ไปช่วยงานเป็นเลขาธิการส่วนตัว ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ นับเป็น ส.ส.เลือดใหม่ที่มีคุณภาพ ของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อว่าอนาคตทางการเมืองจะต้องสดใสรุ่งเรืองอย่างแน่นอน...ขอเป็นกำลังใจ
** เมื่อวานนี้ได้ชมภาพ พระร่วงยืนลอยองค์ กรุหนองกระโดน จ.สุพรรณบุรี ของ อู๊ด สุพรรณ ไปแล้วองค์หนึ่ง วันนี้ "เสี่ยอู๊ด" ลูกชายห้างทองเมืองสุพรรณ ยังได้ พระยอดขุนพล กรุหนองกระโดน แห่งเดียวกันนี้อีกองค์หนึ่ง สภาพเดิมๆ สวยคมชัดเช่นกัน องค์นี้ราคาประมาณ ๔ แสนบาท ขึ้นจากกรุไม่เกิน ๑๐ องค์ บรรดาท่านนายพลทุกเหล่าทัพ หรือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งถือเป็นแม่ทัพนายพลขององค์กรนั้นๆ เช่นกัน ควรจะหาพระระดับนี้เอาไว้ใช้ติดตัวใช้บ้าง เปิดหน้าอกออกมาให้ใครชมพระในคอจะได้ไม่อายเขา เพราะ พระยอดขุนพล ไม่ว่าจะเป็นพระกรุไหนเมืองใดก็ตาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ท่านนายพล และผู้บริหารองค์กรใหญ่อย่างแท้จริง
** หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า พระยอดขุนพล กับ พระร่วงนั่ง นั้น มีความเหมือนกันทุกอย่างในองค์พระ แต่ต่างกันเฉพาะที่เครื่องประดับ พระยอดขุนพล จะประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วอันงดงามอลังการ ขณะที่ พระร่วงนั่ง ไม่มีซุ้ม โดยจะตัดขอบชิดติดกับองค์พระพอดี
** พระยอดขุนพล กรุหนองกระโดน องค์นี้แตกกรุที่ ต.หนองกระโดน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง เคลือบด้วยไขขาวทั้งหมด ศิลปะอู่ทอง ผสมลพบุรี เช่นเดียวกับองค์เมื่อวานนี้
** แม้ว่าระยะนี้วงการพระจะซบเซาลงไปบ้าง การซื้อๆ ขายๆ ไม่หนาตากว่าปีก่อน แต่ก็มีบางธุรกิจที่สวนกระแส อย่างเช่น ร้านหวายเก้าเส้น ของ สานิตย์ ขนิษฐบุตร ผู้ออกแบบ สร้อยประคำทองคำ และ ตลับพระทองคำ ก็ยังมีผู้ไปใช้บริการอยู่เสมอ เพราะติดใจในฝีมือที่ไม่ซ้ำกับของใครไหนอื่น อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ใหม่ เมื่อใช้ไประยะหนึ่งแล้วเกิดเบื่อรูปแบบเดิมๆ ร้านนี้อยู่บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐-๑๙๑๔-๐๖๒๔ ท่านที่ไปใช้บริการในช่วงนี้มี ของขวัญ สมนาคุณฟรี ! สำหรับ สร้อยประคำทองคำ เส้นนี้ประกอบด้วย ตะกรุดหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ล็อกเกตพ่อหลวงสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย หลังอุด ยาฉุน ของวิเศษพ่อหลวงสงฆ์ และ ลูกอมชานหมากหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
** เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "เสี่ยเจ็ด" ร้านหลักเมือง มาบุญครอง ได้จัด ประกอบพิธีปลุกเสก เหรียญมังกร ดวงตราสวรรค์ ปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการพระเครื่องเมืองไทย ณ วัดภาษี เอกมัย โดยมีพระคณาจารย์ไทย จีน ศรีลังกา ร่วมนั่งปรกปลุกเสกอธิษฐานจิต ท่ามกลางศรัทธาสาธุชนเข้าร่วมพิธีสวดสะเดาะเคราะห์อย่างเนืองแน่น ที่น่าแปลกใจคือ มีชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง จีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ เข้าร่วมพิธีด้วย พร้อมกับสั่งจอง เหรียญมังกร ที่มีรูปแบบงานศิลป์ที่งดงามยิ่งอีกด้วย "เสี่ยเจ็ด" บอกว่า เหรียญรุ่นนี้จะนำเข้าประกอบพิธีปลุกเสกอีกหลายครั้ง ก่อนจะนำออกให้ผู้สั่งจองรับเหรียญต่อไป และยืนยันว่าทั้ง เหรียญ และ พระผง ได้มีการจัดสร้างเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนตามจำนวนแล้วทุกอย่าง สอบถามโทร.๐๘-๑๕๖๗-๗๑๙๑, ๐๘-๙๗๗๒-๙๔๙๐
**เมืองสุพรรณ เป็นเมืองแห่งพระกรุอย่างแท้จริง เพราะมีกรุพระมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นอำเภอไหนก็ตาม นับเป็นมรดกอันล้ำค่า ที่บรรพชนได้มอบให้ลูกหลานชาวสุพรรณในทุกวันนี้ ชาวสุพรรณที่สนใจสะสมพระเครื่องจึงนับได้ว่าเป็นผู้อนุรักษ์ทรัพย์สมบัติของบรรพชนอย่างน่าชื่นชม ชาวสุพรรณคนไหนไม่สนใจเรื่องพระเครื่องจึงนับได้ว่า น่าเสียดายจริงๆ เพราะในขณะที่คนเมืองอื่น เขายังมาเที่ยวเช่าหาพระเมืองสุพรรณอยู่เป็นประจำ
** วันนี้...มีงานประกวดพระที่ ห้างตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี จัดโดย ฐิติพงศ์ (วรเทพ) อุดมรัตนะศิลป์ รางวัลหนังสือ รวมภาพพระยอดนิยมของ จ.พิษณุโลก หนา ๒๔๘ หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สี กระดาษอาร์ต ใครมีพระสวยพระแท้เอาไปส่งเข้าประกวดได้ หรือจะเอาพระไปให้ตรวจสอบก็ได้ ถ้าหากเป็นพระแท้และมีความสวย ก็จะได้รับรางวัลไป หากเป็น พระเก๊ กรรมการจะไม่รับเข้าประกวด เจ้าของพระจะได้รู้แจ้งเห็นจริงไปเลยว่า พระของตนนั้น แท้ หรือ เก๊ ** พบกับ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้ใหม่ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ต่อไป ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้ติดตามมาโดยตลอด...นะมัสเต *** ที่มาคมชัดลึก
พระสมเด็จในหนังสือ'จอมสุรางค์อุปถัมภ์'
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน พระในหนังสือพระเครื่อง “จอมสุรางค์อุปถัมภ์” : พระองค์ครู โดยไตรเทพ ไกรงู
ก่อนที่จะกล่าวถึงพระเครื่ององค์ครูฉบับนี้ ท่านเชื่อไหมว่า หนังสือพระเครื่อง "ฉบับครู” ก็มีอยู่ในวงการ ซึ่งเมื่อกล่าวถึง แน่นอนว่าคงมีอยู่ด้วยกันหลายเล่ม และหลายๆ ท่านก็คงจะร้องอ๋อ หนังสือพระเครื่องฉบับครูที่กล่าวถึงนี้ เน้นเฉพาะฉบับปกแข็ง ที่ปัจจุบันมีราคาการซื้อหากันเล่มละเป็นหมื่นบาท ส่วนราคาพระแต่ละองค์ในหนังสือเล่มนี้ไม่ต้อพูดถึง คือ "แพงทุกองค์!"
หนังสือพระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์ ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ องค์อุปถัมภ์โรงเรียนจอมสุรางค์อุปภัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ คุณเสถียร เสถียรสุต เป็นผู้รวบรวมพิมพ์แจก เป็นหนังสือแจกเป็นรางวัล ในงานประกวดพระที่โรงเรียนจอมจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙
ภาพพระเครื่องส่วนใหญ่เป็นของคุณเสถียร (บางองค์เป็นของท่านที่ยืมมาก็มี) ซึ่งท่านเป็นนักสะสมพระเครื่องชั้นยอดในสมัยนั้น พระของท่านจึงต้องแท้และสวยที่สุด เมื่อท่านถึงจุดอิ่มตัวจึงได้วางมือจากวงการ ทำให้นักสะสมหลายๆ ท่าน ต้องการเป็นเจ้าของพระเครื่องที่คุณเสถียรเคยครอบครองอยู่ เมื่อมีการเปลี่ยนมือหลายวาระ จึงต้องใช้หนังสือเล่มนี้เผื่ออ้างอิง และหากท่านใดมีพระเครื่องที่เคยลงหนังสือจอมสุรางค์ฯ ก็เป็นอันยุติในความแท้ ควมสวย แน่นอน หนังสือเล่มนี้รวบรวมแต่พระหลัก จึงกลายเป็นตำนานของนักสะสมหนังสือพระเครื่องไปแล้ว
ในฉบับนี้จะนำเสนอพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธานองค์ครู ที่ปรากฏโฉมอยู่ในหนังสือ พระเครื่องจอมสุรางค์ หน้า ๑๒๐ ทำไมพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ จึงได้รับการคัดสรรอยู่ในหนังสือพระเครื่องจอมสุรางค์ ของ “นายเสถียร” ซึ่งใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าท่านเป็นผู้พิถีพิถันอย่างยิ่งในการประมวลรวบรวม พระเครื่ององค์สำคัญที่จะต้องสวย สมบูรณ์ระดับแชมป์ ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นมิติพิมพ์ที่สมบูรณ์ ฟอร์มการตัดที่ได้สมดุล หน้าและหลังสวย เด่น คมชัด เรียกว่าต้องไม่มีที่ติ เพราะฉะนั้นพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธานองค์นี้ ถือเป็นองค์เกียรติยศสำหรับพระเครื่ององค์ครูฉบับนี้
เมื่อกล่าวถึงความสวย สมบูรณ์และลักษณะเด่น ก็คงต้องให้คะแนนสภาพธรรมชาติแบบดั้งเดิม ที่เหมือนกับจะไม่ผ่านการจับต้องบูชา ผิวพระก็ยังเดิมๆ ฝ้าขาวนวลเกาะอยู่บนเนื้อพระ วรรณะเทาอมเขียว ซึ่งเป็นวรรณะที่ค่อนข้างหาชมได้ยาก พระเส้นสายล้ำลึก สมควรกับการประเมินมูลค่าการครอบครองถึง ๓๐ ล้าน
แม้ผู้ครอบครองจะกล่าวอย่างถ่อมตนว่า พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ประธานองค์นี้ ไม่อาจไปเทียบเคียงกับพระองค์ดังอื่นๆ อย่าง “องค์ลุงพุฒ” หรือ “องค์ขุนศรี” แต่ต้องยอมรับว่าองค์นี้ก็โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ฟอร์มสวย ตัดสวย คม ชัดลึก ทุกมิติ อย่างไม่อาจติได้จริงๆ ครับ
ที่มาข้อมูล http://www.komchadluek.net/detail/20120630/134028/พระสมเด็จในหนังสือจอมสุรางค์อุปถัมภ์.html
เส้นทางนักพระเครื่อง โดย...ตาล ตันหยง
ลูกผู้ชายต้องมี “ของดี” ติดตัว
น.นที…คนรุ่นเก่าเล่าเรื่อง “พระ”
ความเคลื่อนไหวของวงการพระเครื่อง ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ย่อมเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของผู้คนในวงการนี้ที่น่าสนใจใฝ่ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่นักพระเครื่อง หรือเซียนพระ (ที่สมัยนั้นนิยมเรียกว่า "นักเลงพระ") ย่อมมีอะไรหลายๆ อย่างที่คนรุ่นใหม่ควรจะทราบ และดูเป็นแบบอย่าง เพื่อจะได้เก็บเอาส่วนที่ดีมาปฏิบัติตาม และหลีกเลี่ยงส่วนที่ไม่ดี (ที่อาจจะมี) ออกไป เพื่อช่วยกันจรรโลงให้วงการพระเป็นที่น่าศรัทธาเชื่อถือ อันจะส่งผลให้คนในวงการพระมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป
ณ เวลานี้ เป็นที่น่ายินดีที่มี "คนรุ่นเก่า" ท่านหนึ่ง ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของวงการพระในอดีตที่ผ่านมา ในรูปของบทความหลากหลายมุมมอง และจัดพิมพ์เป็นหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง คือ น.นที (คนรุ่นเก่าเล่าเรื่อง) ผู้จัดทำหนังสือ รวมภาพและเกร็ดประวัติพระเครื่องและเครื่องราง พร้อมภาคผนวกเครื่องรางยอดนิยม ๓๐๐ ภาพ โดยได้รับเกียรติเขียนคำนิยมโดย ท่านเสถียร เสถียรสุต นักพระเครื่องอาวุโส ที่เซียนพระทุกยุคทุกสมัยต่างยกย่องในเกียรติประวัติอันงดงามของท่านมาโดยตลอด และนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สำหรับหนังสือพระเล่มนี้
.นที (นนที นิพากรเมธ) อดีตข้าราชการธนาคารแห่งประเทศไทย
น.นที เป็นนามปากกาของ นนที นิพากรเมธ อดีตข้าราชการธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) เล่าย้อนถึงเส้นทางของชีวิตที่ผ่านมาว่า
"ผมเป็นคนธนบุรีมาโดยกำเนิด บ้านอยู่แถวบางกอกใหญ่ ที่บ้านเป็นร้านขายของชำ สมัยวัยรุ่น อายุ ๑๗-๑๘ ปี มีชาวบ้านชอบมาซื้อเหล้าที่ร้าน บางครั้งก็เอาพระเครื่องมาขอแลกเหล้าก็มี ทำให้ผมเริ่มรู้จักพระเครื่องขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก สมัยนั้นมีคนเอาพระกริ่งคลองตะเคียน มาแลกเหล้า ๑ ขวด โดยขอเงินเพิ่มอีก ๑๐๐ บาท แต่ผมไม่เอา เพราะดูพระไม่เป็น นอกจากนี้มีคุณลุงท่านหนึ่ง เอาเหรียญหล่อหลวงพ่อไหล่ วัดกำแพง มาขายไม่กี่ร้อยบาท โดยบอกว่าเป็นคนสูบเตาเผาโลหะที่ใช้หล่อเหรียญ ได้รับเหรียญนี้มาจากหลวงพ่อโดยตรง ผมก็ไม่เอาเช่นกัน"
พอโตขึ้นมาหน่อย น.นที ไปเข้ากับเพื่อนกลุ่มวัยรุ่นแถวโรงหนังย่านวังบูรพา ที่เรียกว่า "โก๋หลังวัง" ซึ่งโด่งดังในสมัยมาก เช่น แดง ไบเล่, ดำ เอสโซ่, จ๊อด เฮาดี้ ฯลฯ
บรรดา "โก๋หลังวัง" มักนิยมแขวนพระเครื่องกันทุกคน เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สร้างขวัญกำลังใจ ยามมีปัญหากับคู่อริ ยกเว้น น.นที คนเดียวที่ไม่ได้แขวนพระกับเขาเลย
ต่อมา มีเพื่อนบอกว่า ลูกผู้ชายต้องมี "ของดี" ติดตัว เอาไว้บ้าง จึงได้ถอดพระพิมพ์สมเด็จองค์หนึ่งให้ น.นที ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็น พระสมเด็จนายเผ่า (พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา และอดีตอธิบดีกรมตำรวจ) ปี ๒๔๙๕ สร้างที่วัดอินทรวิหาร นับเป็นพระองค์แรกที่ น.นที ได้แขวนติดตัวตั้งแต่สมัยนั้น
หลังจากนั้นไปเช่าพระพิมพ์สมเด็จ ๒ หน้าจากหลวงปู่นาค วัดระฆัง พระพุทธชินราช อินโดจีน ที่พุทธสมาคมฯ รวมทั้งพระท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ วัดเทพศิรินทร์ พระเหล่านี้ไม่มีปัญหา เพราะไปเช่าจากวัดโดยตรง
ส่วนพระกรุพระเก่าอื่นๆ ก็เช่าอย่างสะเปะสะปะตามสนามพระ ที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ และที่อื่นๆ โดยไม่รู้ว่าเป็นพระแท้หรือไม่ ?
วันหนึ่ง ได้นำพระที่เช่าไว้มากพอสมควร ไปให้เซียนพระคนหนึ่งตรวจสอบให้ เขากำหนดค่าดูว่า พระ ๑ องค์ สายฝน ๑ ซอง (หมายถึงบุหรี่สายฝน ซองละ ๑๐ บาท) วันแรกต้องไปซื้อบุหรี่สายฝน ๓ ซอง หมดไป ๓๐ บาท ช่วงนั้นเสียเงินค่าบุหรี่แทบทุกวัน วันละหลายสิบบาท จนมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเห็นเข้าก็บอกว่า สงสารมาก ที่ต้องเสียเงินทุกวัน จึงแนะนำให้ น.นที ไปหา อ.เภา ศกุนตะสุตร (เซียนพระรุ่นใหญ่) ซึ่งนั่งอยู่ในสนามพระเช่นกัน โดยไม่ต้องเสียเงินมาก แค่เลี้ยงโอเลี้ยง ๑ แก้ว (ไม่กี่บาท) ท่านก็สามารถดูพระให้ได้ทุกอย่าง
ปรากฏว่า พระที่เช่ามานั้นส่วนใหญ่เป็น พระปลอม ทั้งนั้น และที่เซียนพระคนแรกดูให้นั้น ก็ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะไม่เก่งจริง งานนี้เท่ากับถูกเซียนพระแหกตาหลอกเงินค่าบุหรี่ไปหลายซอง
จากการที่เอาพระให้ อ.เภา ดูบ่อยๆ ทำให้สนิทกับท่านมาก พร้อมกับได้รับความรู้เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งมีโอกาสรู้จักเซียนพระตัวจริง และเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือหลายท่านด้วยกัน
ตรงนี้ทำให้ น.นที มีโอกาสได้ส่องพระแท้องค์จริงอยู่เสมอๆ จนพอจดจำได้ว่า พระแท้แต่ละองค์ดูจุดตำหนิตรงไหนบ้าง ?
ต่อมา สนามพระวัดมหาธาตุ ปิด บรรดาแผงพระจึงต้องโยกย้ายไปที่วัดราชนัดดา ส่วนหนึ่ง และที่ตลาดนัดท่าพระจันทร์ อีกส่วนหนึ่ง (คือสนามพระท่าพระจันทร์ในทุกวันนี้)
"ช่วงนั้นผมฟิตมาก ทำให้อยากรู้อยากเห็นอะไรอยู่เสมอ เซียนพระบางท่านจึงพาไปตระเวนเดินสาย ซื้อขายพระตามที่ต่างๆ ครั้งหนึ่ง ได้ติดตามผู้ใหญ่ไปดูงานประกวดพระที่ อ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี เพื่อดูพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ของเซียนพระใหญ่ท่านหนึ่ง เอาไปโชว์ในงานนี้ นับเป็นพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว องค์แรกที่ผมได้ดูพระแท้องค์จริง รวมทั้งพระหลักยอดนิยมอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้รู้เรื่องของการซื้อขายพระ การประมูลพระ ที่เซียนแต่ละท่านต่างก็มีชั้นเชิงกันเยอะมาก เป็นเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงเอาเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มาเขียนลงในนิตยสารพระฉบับหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจของผู้อ่านจำนวนมาก โดยเฉพาะเซียนพระรุ่นใหม่ ที่หลายคนเกิดไม่ทันเหตุการณ์ในสมัยนั้น" น.นที กล่าว
ปี ๒๕๒๙ คุณคำรณ สัยยะนิธี เปิดร้านพระที่ปากซอยจรัญฯ ๑๓ (ซอยวัดนก) ซึ่งอยู่ใกล้บ้านปัจจุบัน จึงได้แวะเข้าไปขอดูพระจากที่นี่ บางครั้งก็เช่าพระที่ถูกใจ จากการที่เข้าไปร้านนี้บ่อยๆ ทำให้สนิทสนมกับคุณคำรณมาก และได้มีโอกาสรู้จักกับ เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่ ที่ร้านคุณคำรณด้วย เพราะที่นี่มีลูกค้าและเซียนพระมาเช่าพระอยู่เสมอๆ
ขณะเดียวกัน หน้าที่การงานที่แบงค์ชาติ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งสูงด้วย ทำให้ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ระดับบริหารอีกหลายท่าน โดยเฉพาะ คุณสุทธิพันธุ์ นิมมานเหมินท์ (คุณติ่ง) อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเพิ่งมาจากเมืองนอกใหม่ๆ และสนใจเรื่องพระเครื่อง จึงชวนไปเช่าพระกันบ่อยๆ จากเซียนพระรุ่นใหญ่หลายท่าน อาทิ คุณสมชาย มาลาเจริญ คุณไพศาล กสิวัฒน์ หม่อมฉลองลาภ ร.ต.ท.อนุชิต โปษยานนท์ (ต่อมาได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. (พิเศษ) ฯลฯ และที่สำคัญ คือ ท่านเสถียร เสถียรสุต เซียนพระอาวุโส
ตรงจุดนี้ทำให้ น.นที มีโอกาสได้ดูพระแท้องค์สวยระดับแชมป์อย่างมากมาย ซึ่งหลายองค์มีภาพอยู่ในหนังสือ "จอมสุรางค์อุปถัมภ์" ที่ท่านเสถียรจัดทำขึ้น และเป็นที่ยกย่องของคนในวงการพระตลอดมาว่า พระทุกองค์ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นพระสุดยอดจริงๆ ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งนั้น และใครที่ได้ไปก็จะเกิดความภาคภูมิใจเป็นพิเศษ
"เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในแวดวงพระเครื่อง ผมได้นำมาเขียนรวมไว้หนังสือรวมภาพและเกร็ดประวัติ พระเครื่องและเครื่องราง เล่มนี้ โดยผมได้ตั้งใจอย่างที่สุด ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ในการจัดทำ เพื่อให้ได้หนังสือทอง เล่มหนึ่งของวงการพระ ที่น่าสนใจศึกษา โดยมีข้อเขียน ๑๐๐ เรื่อง ภาพพระเครื่องและเครื่องราง ๘๐๐ ภาพ พร้อมกับเกร็ดประวัติในแง่มุมอันหลากหลาย ที่ยังไม่มีใครเขียนถึง และภาคผนวกภาพเครื่องรางต่างๆ ที่เพิ่มเป็นพิเศษอีก ๓๐๐ ภาพ รวมมีภาพทั้งสิ้น ๑,๑๐๐ ภาพ และยังมีข้อคิดจากสำนวนนิยายภายในของ 'โกวเล้ง' อีก ๑๐๐ สำนวน จากนิยายจีนชื่อดังหลายเล่ม ที่ล้วนน่าสนใจยิ่ง" น.นที กล่าว
หนังสือเล่มนี้ มีขนาด ๘ หน้ายก หนา ๒๗๐ หน้า พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม ด้วยกระดาษอาร์ตด้านอย่างดี หนา ๑๓๐ แกรม ปกแข็งสีทอง เป็นสิริมงคลตั้งแต่ปกหน้าถึงปกหลัง รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ในวงการพระที่หาอ่านที่อื่นไม่ได้
เปิดจองวันนี้ ในราคาเล่มละ ๑,๑๐๐ บาท (ค่าจัดส่ง ๑๐๐ บาท) เฉลี่ยภาพละ ๑ บาทเท่านั้น (วางตลาดเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท) พิมพ์จำนวนจำกัด สอบถามได้ที่โทร.๐-๒๕๖๑-๑๖๓๑-๒, ๐-๒๔๑๕-๘๕๘๕
น.นที กล่าวในตอนท้ายว่า "ผมจัดทำหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นในทางธุรกิจ แต่เพื่อให้เป็นผลงานชิ้นหนึ่งในชีวิตของผม ที่มีโอกาสได้ทำงานด้วยใจรัก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของผมอย่างแท้จริง"
ข้อมูลจากเว็บ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=481904
ท่านเสถียร เสถียรสุต นักพระเครื่องอาวุโส ที่เซียนพระทุกยุคทุกสมัยต่างยกย่องในเกียรติประวัติอันงดงามของท่านมาโดยตลอด เมื่อกว่า ๒๐ ปีก่อน วงการพระเครื่องเมืองไทย มี นักพระเครื่องอาวุโส ท่านหนึ่งที่คนในวงการพระต่าง
ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นนักสะสมพระเครื่องผู้ยิ่งใหญ่ มีพระเครื่องยอดนิยมมากมาย ครบทุกประเภท อีกทั้งยังมีชาติตระกูลที่สูงส่ง มีฐานะความเป็นอยู่ในระดับเศรษฐีท่านหนึ่งของเมืองไทย ท่านผู้นี้คือ ท่านเสถียร เสถียรสุต ผู้ชื่นชอบการสะสมพระเครื่อง พอๆ กับการดูมวย จนถึงกับมีค่ายมวยของตัวเอง
** ในส่วนของแวดวงพระเครื่อง เซียนพระ รุ่นเก่าย่อมรู้จักชื่อเสียงและเกียรติคุณของ ท่านเสถียร เป็นอย่างดี มาถึงทุกวันนี้ ท่านได้ห่างเหินวงการพระไปนานพอสมควร แต่คนในวงการพระก็ยังระลึกถึงท่านเสมอ และพูดถึงแต่สิ่งที่ดีงามที่ท่านได้มอบให้วงการนี้ และสิ่งที่มีการพูดถึงบ่อยๆ สำหรับ เซียนพระรุ่นใหม่ ในทุกวันนี้ ก็คือ หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ภาพพระ ในหนังสือเล่มนี้เกือบจะทั้งหมดเป็นพระของ ท่านเสถียร ทั้งนั้น และเมื่อมีการเปลี่ยนมือพระองค์ใดในเวลาต่อมา ใครที่ได้พระที่มีภาพอยู่ในหนังสือเล่มนี้ จะรู้สึกภูมิใจมากที่สุด ยิ่งว่าใบประกาศนียบัตรชนะเลิศจากงานประกวดพระงานใหญ่ๆ เสียอีก พระที่มีการเช่าหากันทั่วๆ ไปในราคาองค์ละ ๑ หมื่นบาท หากมีภาพอยู่ในหนังสือเล่มนี้ราคาพระ ๒ หมื่นบาทก็มีคนเอา
พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์
** ที่ผ่านมา ยังมีผู้เข้าใจผิด (รวมทั้งคอลัมน์นี้) ว่า หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" เล่มนี้เป็น หนังสือแจกเป็นรางวัล ในงานประกวดพระที่ โรงเรียนจอมจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ โดยมี คุณหญิงจวบ จิรโรจน์ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ เป็นประธานจัดงาน และมี ท่านเสถียร เสถียรสุต เป็นประธานดำเนินงาน นับเป็นงานประกวดพระที่ยิ่งใหญ่มากงานหนึ่งในสมัยนั้น
** ที่ว่ายังมีความเข้าใจผิด ก็เพราะว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้แจกเป็นรางวัล ในงานดังกล่าว หากแต่จัดพิมพ์ขึ้นมาเพื่อจำหน่าย เล่มละ ๕๐๐ บาท จำนวนพิมพ์ ๑,๐๐๐ เล่ม นำรายได้มอบให้สมาคมศิษย์เก่าดังกล่าว ปรากฏการณ์ในเวลานี้ หนังสือเล่มนี้มีการซื้อขายกันในตลาดพระเครื่องถึงเล่มละ ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท แต่ก็ยังหาซื้อไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีการวางขายบนแผงหนังสือใดเลย
** หนังสือเล่มนี้ มีการ จัดหน้า ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากหนังสือภาพพระเครื่อง ที่วางจำหน่ายในสมัยนั้นมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นภาพพระใหญ่ๆ หน้าละ ๑-๔ ภาพ แต่หนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นภาพเล็ก แต่มีจำนวนภาพมาก โดยตัดด้านหลังขององค์พระออกไป และวางภาพในรูปแบบที่มีศิลปะมากกว่า เป็นการออกแบบศิลปะและรูปเล่มโดย ผศ.นิพนธ์ ทวีกาญจน์ ทำให้ทุกวันนี้ มีหนังสือภาพพระเครื่องหลายเล่ม ได้นำรูปแบบการจัดหน้าจากหนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" มาเป็นต้นแบบก็มี
** ที่บอกกล่าวเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เนื่องมาจากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านเสถียร เสถียรสุต ได้กรุณาโทรศัพท์มาบอกให้ แล่ม จันท์พิศาโล ไปพบที่ห้องล็อบบี้ โรงแรมโฟว์ซีซั่นส์ ราชดำริ อันเป็นที่พำนักของท่าน นับเป็นความปลาบปลื้มใจสุดๆ สำหรับคนเล็กๆ อย่าง แล่ม จันท์พิศาโล ที่ ท่านเสถียร ได้เมตตาระลึกถึง และเรียกไปพบ
** วันนั้น ท่านเสถียร ได้สอบถามถึงคนเก่าๆ ในวงการพระ ที่เคยคบหาสมาคมกันเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ใครยังอยู่ใครอำลาจากไปโลกนี้ไปบ้าง ซึ่งเซียนพระรุ่นเก่าๆ เหล่านั้น ส่วนใหญ่ แล่ม จันท์พิศาโล ก็รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี แม้ว่าสมัยนั้นตัวเองจะยังอยู่ในชั้นอนุบาลของวงการพระก็ตาม ** ท่านเสถียร ในวันนี้กำลังจะย่าง ๘๐ ปี ในเดือนเมษายนนี้ แต่สุขภาพพลานามัยยังแข็งแรงดีมากๆ เพราะละวางไปหมดทุกอย่าง ไม่มีความเครียด และที่โชคดีมากๆ คือ ท่านไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรเลย นับเป็นผู้มี ลาภอันประเสริฐจริงๆ
** ก่อนกราบลา ท่านเสถียร ในวันนั้น ท่านได้กรุณามอบ หนังสือ "พระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์" พร้อมกับลายมือเขียนมอบให้ และลายเซ็นกำกับ นับเป็นพระคุณอย่างที่สุด เรื่องราวของ ท่านเสถียร คงจะได้นำมาบอกกล่าวเล่ากันใน "คมเลนส์ส่องพระ" ในโอกาสต่อไปอีก...ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง
วันนี้ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้รับภาพจาก "มิตรใหม่" ในแวดวงพระเครื่อง ที่มีพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่ต่างยกย่องกันว่า ท่านผู้นี้ "เล่นพระดีมีแต่พระแท้" และเมื่อได้พิจารณาจากภาพพระที่ได้รับมา ก็ต้องยอมรับว่า จริงอย่างที่ชาวบ้านเขาเล่าลือกัน จึงขอกดปุ่มเปิดป้ายประกาศเปิดตัว ด.ต.ก่อเกียรติ ไชยพยอม เจ้าของร้าน "ล้นเกล้า" สมาชิก ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน
** และเพื่อเป็นสิริมงคล...พระองค์แรกวันนี้ จึงขออัญเชิญ พระสมเด็จ จิตรลดา ปี ๒๕๐๙ พระเครื่องฝีพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นองค์ประเดิมคอลัมน์ในวันนี้ ** พระสมเด็จ จิตรลดา นับเป็นพระเครื่องเพียงรุ่นเดียวที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงออกแบบ ผสมมวลสารอันเป็นสิริมงคลมากมาย อีกทั้งยังทรงกดพิมพ์องค์พระด้วยพระองค์เอง โดยใช้เวลาที่ทรงว่างจากพระราชกรณียกิจในแต่ละวันแล้ว ช่วงปี ๒๕๐๘-๒๕๑๒ ทรงกดพิมพ์ครั้งละไม่มาก และพระราชทานเป็นการส่วนพระองค์แก่ผู้ใกล้ชิด ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ พลเรือน ประชาชน ฯลฯ เป็นระยะๆ ตามแต่โอกาสอันเหมาะสม
** ผู้สันทัดกรณีในเรื่อง พระสมเด็จ จิตรลดา ที่มีโอกาสได้สัมผัสจับต้องส่ององค์พระ พระสมเด็จ จิตรลดา มาบ่อยๆ และเป็นจำนวนมาก โดยมี ใบพระราชทานพระ กำกับมาด้วย จึงพอจะสรุปได้ว่า พระสมเด็จ จิตรลดา ในแต่ละปีมีความแตกต่างกันในด้านเนื้อหามวลสารประการใดบ้าง เนื่องจาก ใบพระราชทานพระ นั้นมีวันเดือนปีที่ได้พระราชทานระบุไว้ด้วย จึงพอสรุปได้ว่า ใบพระราชทานพระ ในช่วงแรกๆ จะมีมวลสารจำนวนมาก จนปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดบนองค์พระ อย่างองค์ที่เห็นนี้เป็น พระสมเด็จ จิตรลดา ปี ๒๕๐๙ สวยงามคมชัดมาก ใครได้ไว้ก็ย่อมเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดไป ของสูง อย่างนี้ แม้มีเงินล้านแต่ไม่มีวาสนาบารมี ก็ย่อมไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
เมื่อพูดถึง พระกริ่ง ๗ รอบ วัดบวรนิเวศวิหาร ๒๔๙๙ ย่อมเป็นรู้กันดีว่าเป็นพระกริ่งที่จำลองแบบองค์พระมาจาก พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร องค์พระกริ่งจึงไม่มีหม้อน้ำมนต์ที่พระหัตถ์ เหมือนเช่นพระกริ่งทั่วๆ ไป ที่มักจะมีหม้อน้ำมนต์อยู่ด้วยเสมอ ด้านหลังองค์พระกริ่งรุ่นนี้จะมีเลข ๗ ตรงบัวคว่ำบัวหงาย ๒ กลีบ ซึ่งหมายถึงพระชนมายุ ๗ รอบ (๘๔ พระชันษา) ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ใน พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คราวทรงพระผนวช ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม-๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙
** ในการประกอบพิธีเททองหล่อ พระกริ่ง ๗ รอบ นั้น ตามกำหนดเดิม จะมีขึ้นในวันที่ ๒-๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ แต่พอถึงวันดังกล่าว สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ทรงพระประชวร จึงทรงมอบหมายให้ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีแทน ต่อมาอีก ๒ วัน พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลาพระผนวช จึงนับได้ว่า พระกริ่ง ๗ รอบ เป็นพระกริ่งเพียงรุ่นเดียวที่ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเททอง ขณะทรงพระผนวช ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พระกริ่ง ๗ รอบ เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้คนทั่วๆ ไป ไม่ใช่เฉพาะแต่คนในวงการพระเท่านั้น ทำให้ราคาเช่าหา ณ เวลานี้อยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสนขึ้นไป ในองค์ที่สวยคมชัดมากๆ
** ในพิธีเททองเดียวกันนี้ ก็ได้ทรงเททองหล่อ พระพุทธชินสีห์ (จำลอง) ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว จำนวนหนึ่ง เป็นการเททองหล่อแบบโบราณเข้าดินไทย โดยถอดแบบพิมพ์มาจาก พระพุทธชินสีห์ องค์พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรฯ เช่นกัน พุทธลักษณ์จึงมีความงดงามอย่างที่สุด
ในองค์พระบูชา ๕ นิ้ว ที่จัดสร้างขึ้นนี้มีความเรียบร้อยสมบูรณ์มาก ตรงดวงพระเนตรได้มีการ ฝังมุก เอาไว้ด้วยทั้ง ๒ ข้าง เรียกว่า "ตามุก" ชื่อองค์พระคำว่า "พระพุทธชินสีห์" ที่ฐานชั้นล่างสุดนั้น แกะสลักด้วยช่างฝีมือคนเดียวกันทั้งหมดทุกองค์ ลายมือจึงเหมือนกันหมด หากไปพบเห็นองค์ไหนไม่ใช่ลายมือนี้ถือได้ว่าเป็น พระปลอม ทันที เพราะทุกวันนี้ พระรุ่นนี้มีปลอมมานานแล้ว จะไม่ให้ทำปลอมได้อย่างไร ในเมื่อ พระแท้ มีการเช่าหากันถึงหลักแสนขึ้นไป พระพุทธชินสีห์ องค์นี้เป็นของ ด.ต.ก่อเกียรติ ไชยพยอม แห่งร้าน "ล้นเกล้า" เช่นกัน ที่นี่มีวัตถุมงคลต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ "ในหลวง ร.๙" มากมาย หากต้องการศึกษาหาความรู้เป็นวิทยาทาน โทรไปหาได้ที่ ๐๘-๑๙๑๒-๖๘๖๕
** เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์เอเลฟเฟ่นทราเวล เอเยนซี เป็นชาวสุราษฎร์ธานี ผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจการท่องเที่ยวรอบโลกมาแล้วเป็นเวลานาน จนเป็นบริษัทนำเที่ยวและขายตั๋วสายการบินนานาชาติ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากบริษัทหนึ่งของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นพี่ชายของ ส.ส.ธนา ชีรวินิจ ทำให้มีความสนใจในการสะสมพระเครื่องเหมือนๆ กัน ทั้งพี่ทั้งน้อง และพระเครื่องที่สะสมก็ล้วนแต่เป็นพระยอดนิยมที่มีราคาแพงๆ ทั้งนั้น
ทั้งนี้ขอให้เป็น พระแท้ และ พระสวยจริงๆ ราคาเท่าไรก็เอา ล่าสุดก็ได้ พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พิมพ์สี่เหลี่ยมรัศมีประภามณฑล เนื้อทองแดง อันเป็นพระเอกลักษณ์ของ หลวงปู่ศุข โดยเฉพาะ เพราะไม่เคยมีใครที่ไหนจัดสร้างพระในรูปแบบพิมพ์นี้มาก่อน และด้วยความแก่กล้าคาถาอาคมอย่างสุดๆ ของ หลวงปู่ศุข ทำให้พระพิมพ์นี้มีการเช่าหากันในราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสนขึ้นไป โดยเฉพาะองค์ที่เห็นนี้ มีความสวยคมชัดมากเป็นพิเศษ จนถึงกับได้รางวัลชนะเลิศมาแล้ว จากงานประกวดพระที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ซึ่งเป็นงานประกวดพระที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่ง มีผู้ส่งพระเข้าประกวดจำนวนมาก พระองค์ไหนที่ได้รับรางวัลจากงานนี้ จึงย่อมเป็นพระที่สวยงามคมชัดอย่างแท้จริง
** พระเมืองสุพรรณ มีมากมายที่ล้วนน่าสนใจ โดยเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ คือ พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ เนื้อดินเผา ซึ่งเป็นกรุพระใหญ่ มีพระมากมายทั้งจำนวนองค์พระและจำนวนพิมพ์ ชนิดที่งดงามอลังการพิมพ์หนึ่งก็คือ พิมพ์ซุ้มเถาวัลย์เลื้อย ออกจากกรุจำนวนน้อย จึงพบเห็นยาก องค์ในภาพนี้สวยสมบูรณ์คมชัดมาก ราคาเช่าหาต้องเป็นแสนขึ้นไป เป็นพระของ สกลธี ภัททิยกุล ส.ส.หน้าใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ คนหนุ่มไฟแรง อายุเพิ่ง ๓๐ ปีเท่านั้นเอง ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กทม.เขต ๔ (พญาไท บางซื่อ จตุจักร หลักสี่) คู่กับ บุญยอด สุขถิ่นไทย และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งได้รับเลือกตั้งทั้ง ๓ คน
** ส.ส.สกลธี ภัททิยกุล มีชื่อเล่นว่า "จั้ม" จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท ด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา และ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เคยรับราชการอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และได้รับการดึงตัวจากนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ไปช่วยงานเป็นเลขาธิการส่วนตัว ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ นับเป็น ส.ส.เลือดใหม่ที่มีคุณภาพ ของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อว่าอนาคตทางการเมืองจะต้องสดใสรุ่งเรืองอย่างแน่นอน...ขอเป็นกำลังใจ
** เมื่อวานนี้ได้ชมภาพ พระร่วงยืนลอยองค์ กรุหนองกระโดน จ.สุพรรณบุรี ของ อู๊ด สุพรรณ ไปแล้วองค์หนึ่ง วันนี้ "เสี่ยอู๊ด" ลูกชายห้างทองเมืองสุพรรณ ยังได้ พระยอดขุนพล กรุหนองกระโดน แห่งเดียวกันนี้อีกองค์หนึ่ง สภาพเดิมๆ สวยคมชัดเช่นกัน องค์นี้ราคาประมาณ ๔ แสนบาท ขึ้นจากกรุไม่เกิน ๑๐ องค์ บรรดาท่านนายพลทุกเหล่าทัพ หรือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งถือเป็นแม่ทัพนายพลขององค์กรนั้นๆ เช่นกัน ควรจะหาพระระดับนี้เอาไว้ใช้ติดตัวใช้บ้าง เปิดหน้าอกออกมาให้ใครชมพระในคอจะได้ไม่อายเขา เพราะ พระยอดขุนพล ไม่ว่าจะเป็นพระกรุไหนเมืองใดก็ตาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ท่านนายพล และผู้บริหารองค์กรใหญ่อย่างแท้จริง
** หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า พระยอดขุนพล กับ พระร่วงนั่ง นั้น มีความเหมือนกันทุกอย่างในองค์พระ แต่ต่างกันเฉพาะที่เครื่องประดับ พระยอดขุนพล จะประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วอันงดงามอลังการ ขณะที่ พระร่วงนั่ง ไม่มีซุ้ม โดยจะตัดขอบชิดติดกับองค์พระพอดี
** พระยอดขุนพล กรุหนองกระโดน องค์นี้แตกกรุที่ ต.หนองกระโดน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง เคลือบด้วยไขขาวทั้งหมด ศิลปะอู่ทอง ผสมลพบุรี เช่นเดียวกับองค์เมื่อวานนี้
** แม้ว่าระยะนี้วงการพระจะซบเซาลงไปบ้าง การซื้อๆ ขายๆ ไม่หนาตากว่าปีก่อน แต่ก็มีบางธุรกิจที่สวนกระแส อย่างเช่น ร้านหวายเก้าเส้น ของ สานิตย์ ขนิษฐบุตร ผู้ออกแบบ สร้อยประคำทองคำ และ ตลับพระทองคำ ก็ยังมีผู้ไปใช้บริการอยู่เสมอ เพราะติดใจในฝีมือที่ไม่ซ้ำกับของใครไหนอื่น อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ใหม่ เมื่อใช้ไประยะหนึ่งแล้วเกิดเบื่อรูปแบบเดิมๆ ร้านนี้อยู่บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐-๑๙๑๔-๐๖๒๔ ท่านที่ไปใช้บริการในช่วงนี้มี ของขวัญ สมนาคุณฟรี ! สำหรับ สร้อยประคำทองคำ เส้นนี้ประกอบด้วย ตะกรุดหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ล็อกเกตพ่อหลวงสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย หลังอุด ยาฉุน ของวิเศษพ่อหลวงสงฆ์ และ ลูกอมชานหมากหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
** เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "เสี่ยเจ็ด" ร้านหลักเมือง มาบุญครอง ได้จัด ประกอบพิธีปลุกเสก เหรียญมังกร ดวงตราสวรรค์ ปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการพระเครื่องเมืองไทย ณ วัดภาษี เอกมัย โดยมีพระคณาจารย์ไทย จีน ศรีลังกา ร่วมนั่งปรกปลุกเสกอธิษฐานจิต ท่ามกลางศรัทธาสาธุชนเข้าร่วมพิธีสวดสะเดาะเคราะห์อย่างเนืองแน่น ที่น่าแปลกใจคือ มีชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง จีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ เข้าร่วมพิธีด้วย พร้อมกับสั่งจอง เหรียญมังกร ที่มีรูปแบบงานศิลป์ที่งดงามยิ่งอีกด้วย "เสี่ยเจ็ด" บอกว่า เหรียญรุ่นนี้จะนำเข้าประกอบพิธีปลุกเสกอีกหลายครั้ง ก่อนจะนำออกให้ผู้สั่งจองรับเหรียญต่อไป และยืนยันว่าทั้ง เหรียญ และ พระผง ได้มีการจัดสร้างเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนตามจำนวนแล้วทุกอย่าง สอบถามโทร.๐๘-๑๕๖๗-๗๑๙๑, ๐๘-๙๗๗๒-๙๔๙๐
**เมืองสุพรรณ เป็นเมืองแห่งพระกรุอย่างแท้จริง เพราะมีกรุพระมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นอำเภอไหนก็ตาม นับเป็นมรดกอันล้ำค่า ที่บรรพชนได้มอบให้ลูกหลานชาวสุพรรณในทุกวันนี้ ชาวสุพรรณที่สนใจสะสมพระเครื่องจึงนับได้ว่าเป็นผู้อนุรักษ์ทรัพย์สมบัติของบรรพชนอย่างน่าชื่นชม ชาวสุพรรณคนไหนไม่สนใจเรื่องพระเครื่องจึงนับได้ว่า น่าเสียดายจริงๆ เพราะในขณะที่คนเมืองอื่น เขายังมาเที่ยวเช่าหาพระเมืองสุพรรณอยู่เป็นประจำ
** วันนี้...มีงานประกวดพระที่ ห้างตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี จัดโดย ฐิติพงศ์ (วรเทพ) อุดมรัตนะศิลป์ รางวัลหนังสือ รวมภาพพระยอดนิยมของ จ.พิษณุโลก หนา ๒๔๘ หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สี กระดาษอาร์ต ใครมีพระสวยพระแท้เอาไปส่งเข้าประกวดได้ หรือจะเอาพระไปให้ตรวจสอบก็ได้ ถ้าหากเป็นพระแท้และมีความสวย ก็จะได้รับรางวัลไป หากเป็น พระเก๊ กรรมการจะไม่รับเข้าประกวด เจ้าของพระจะได้รู้แจ้งเห็นจริงไปเลยว่า พระของตนนั้น แท้ หรือ เก๊ ** พบกับ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้ใหม่ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ต่อไป ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้ติดตามมาโดยตลอด...นะมัสเต *** ที่มาคมชัดลึก
พระสมเด็จในหนังสือ'จอมสุรางค์อุปถัมภ์'
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน พระในหนังสือพระเครื่อง “จอมสุรางค์อุปถัมภ์” : พระองค์ครู โดยไตรเทพ ไกรงู
ก่อนที่จะกล่าวถึงพระเครื่ององค์ครูฉบับนี้ ท่านเชื่อไหมว่า หนังสือพระเครื่อง "ฉบับครู” ก็มีอยู่ในวงการ ซึ่งเมื่อกล่าวถึง แน่นอนว่าคงมีอยู่ด้วยกันหลายเล่ม และหลายๆ ท่านก็คงจะร้องอ๋อ หนังสือพระเครื่องฉบับครูที่กล่าวถึงนี้ เน้นเฉพาะฉบับปกแข็ง ที่ปัจจุบันมีราคาการซื้อหากันเล่มละเป็นหมื่นบาท ส่วนราคาพระแต่ละองค์ในหนังสือเล่มนี้ไม่ต้อพูดถึง คือ "แพงทุกองค์!"
หนังสือพระเครื่องจอมสุรางค์อุปถัมภ์ ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ องค์อุปถัมภ์โรงเรียนจอมสุรางค์อุปภัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ คุณเสถียร เสถียรสุต เป็นผู้รวบรวมพิมพ์แจก เป็นหนังสือแจกเป็นรางวัล ในงานประกวดพระที่โรงเรียนจอมจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙
ภาพพระเครื่องส่วนใหญ่เป็นของคุณเสถียร (บางองค์เป็นของท่านที่ยืมมาก็มี) ซึ่งท่านเป็นนักสะสมพระเครื่องชั้นยอดในสมัยนั้น พระของท่านจึงต้องแท้และสวยที่สุด เมื่อท่านถึงจุดอิ่มตัวจึงได้วางมือจากวงการ ทำให้นักสะสมหลายๆ ท่าน ต้องการเป็นเจ้าของพระเครื่องที่คุณเสถียรเคยครอบครองอยู่ เมื่อมีการเปลี่ยนมือหลายวาระ จึงต้องใช้หนังสือเล่มนี้เผื่ออ้างอิง และหากท่านใดมีพระเครื่องที่เคยลงหนังสือจอมสุรางค์ฯ ก็เป็นอันยุติในความแท้ ควมสวย แน่นอน หนังสือเล่มนี้รวบรวมแต่พระหลัก จึงกลายเป็นตำนานของนักสะสมหนังสือพระเครื่องไปแล้ว
ในฉบับนี้จะนำเสนอพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธานองค์ครู ที่ปรากฏโฉมอยู่ในหนังสือ พระเครื่องจอมสุรางค์ หน้า ๑๒๐ ทำไมพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ จึงได้รับการคัดสรรอยู่ในหนังสือพระเครื่องจอมสุรางค์ ของ “นายเสถียร” ซึ่งใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าท่านเป็นผู้พิถีพิถันอย่างยิ่งในการประมวลรวบรวม พระเครื่ององค์สำคัญที่จะต้องสวย สมบูรณ์ระดับแชมป์ ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นมิติพิมพ์ที่สมบูรณ์ ฟอร์มการตัดที่ได้สมดุล หน้าและหลังสวย เด่น คมชัด เรียกว่าต้องไม่มีที่ติ เพราะฉะนั้นพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธานองค์นี้ ถือเป็นองค์เกียรติยศสำหรับพระเครื่ององค์ครูฉบับนี้
เมื่อกล่าวถึงความสวย สมบูรณ์และลักษณะเด่น ก็คงต้องให้คะแนนสภาพธรรมชาติแบบดั้งเดิม ที่เหมือนกับจะไม่ผ่านการจับต้องบูชา ผิวพระก็ยังเดิมๆ ฝ้าขาวนวลเกาะอยู่บนเนื้อพระ วรรณะเทาอมเขียว ซึ่งเป็นวรรณะที่ค่อนข้างหาชมได้ยาก พระเส้นสายล้ำลึก สมควรกับการประเมินมูลค่าการครอบครองถึง ๓๐ ล้าน
แม้ผู้ครอบครองจะกล่าวอย่างถ่อมตนว่า พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ประธานองค์นี้ ไม่อาจไปเทียบเคียงกับพระองค์ดังอื่นๆ อย่าง “องค์ลุงพุฒ” หรือ “องค์ขุนศรี” แต่ต้องยอมรับว่าองค์นี้ก็โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ฟอร์มสวย ตัดสวย คม ชัดลึก ทุกมิติ อย่างไม่อาจติได้จริงๆ ครับ
ที่มาข้อมูล http://www.komchadluek.net/detail/20120630/134028/พระสมเด็จในหนังสือจอมสุรางค์อุปถัมภ์.html
เส้นทางนักพระเครื่อง โดย...ตาล ตันหยง
ลูกผู้ชายต้องมี “ของดี” ติดตัว
น.นที…คนรุ่นเก่าเล่าเรื่อง “พระ”
ความเคลื่อนไหวของวงการพระเครื่อง ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ย่อมเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของผู้คนในวงการนี้ที่น่าสนใจใฝ่ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่นักพระเครื่อง หรือเซียนพระ (ที่สมัยนั้นนิยมเรียกว่า "นักเลงพระ") ย่อมมีอะไรหลายๆ อย่างที่คนรุ่นใหม่ควรจะทราบ และดูเป็นแบบอย่าง เพื่อจะได้เก็บเอาส่วนที่ดีมาปฏิบัติตาม และหลีกเลี่ยงส่วนที่ไม่ดี (ที่อาจจะมี) ออกไป เพื่อช่วยกันจรรโลงให้วงการพระเป็นที่น่าศรัทธาเชื่อถือ อันจะส่งผลให้คนในวงการพระมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป
ณ เวลานี้ เป็นที่น่ายินดีที่มี "คนรุ่นเก่า" ท่านหนึ่ง ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของวงการพระในอดีตที่ผ่านมา ในรูปของบทความหลากหลายมุมมอง และจัดพิมพ์เป็นหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง คือ น.นที (คนรุ่นเก่าเล่าเรื่อง) ผู้จัดทำหนังสือ รวมภาพและเกร็ดประวัติพระเครื่องและเครื่องราง พร้อมภาคผนวกเครื่องรางยอดนิยม ๓๐๐ ภาพ โดยได้รับเกียรติเขียนคำนิยมโดย ท่านเสถียร เสถียรสุต นักพระเครื่องอาวุโส ที่เซียนพระทุกยุคทุกสมัยต่างยกย่องในเกียรติประวัติอันงดงามของท่านมาโดยตลอด และนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สำหรับหนังสือพระเล่มนี้
.นที (นนที นิพากรเมธ) อดีตข้าราชการธนาคารแห่งประเทศไทย
น.นที เป็นนามปากกาของ นนที นิพากรเมธ อดีตข้าราชการธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) เล่าย้อนถึงเส้นทางของชีวิตที่ผ่านมาว่า
"ผมเป็นคนธนบุรีมาโดยกำเนิด บ้านอยู่แถวบางกอกใหญ่ ที่บ้านเป็นร้านขายของชำ สมัยวัยรุ่น อายุ ๑๗-๑๘ ปี มีชาวบ้านชอบมาซื้อเหล้าที่ร้าน บางครั้งก็เอาพระเครื่องมาขอแลกเหล้าก็มี ทำให้ผมเริ่มรู้จักพระเครื่องขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก สมัยนั้นมีคนเอาพระกริ่งคลองตะเคียน มาแลกเหล้า ๑ ขวด โดยขอเงินเพิ่มอีก ๑๐๐ บาท แต่ผมไม่เอา เพราะดูพระไม่เป็น นอกจากนี้มีคุณลุงท่านหนึ่ง เอาเหรียญหล่อหลวงพ่อไหล่ วัดกำแพง มาขายไม่กี่ร้อยบาท โดยบอกว่าเป็นคนสูบเตาเผาโลหะที่ใช้หล่อเหรียญ ได้รับเหรียญนี้มาจากหลวงพ่อโดยตรง ผมก็ไม่เอาเช่นกัน"
พอโตขึ้นมาหน่อย น.นที ไปเข้ากับเพื่อนกลุ่มวัยรุ่นแถวโรงหนังย่านวังบูรพา ที่เรียกว่า "โก๋หลังวัง" ซึ่งโด่งดังในสมัยมาก เช่น แดง ไบเล่, ดำ เอสโซ่, จ๊อด เฮาดี้ ฯลฯ
บรรดา "โก๋หลังวัง" มักนิยมแขวนพระเครื่องกันทุกคน เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สร้างขวัญกำลังใจ ยามมีปัญหากับคู่อริ ยกเว้น น.นที คนเดียวที่ไม่ได้แขวนพระกับเขาเลย
ต่อมา มีเพื่อนบอกว่า ลูกผู้ชายต้องมี "ของดี" ติดตัว เอาไว้บ้าง จึงได้ถอดพระพิมพ์สมเด็จองค์หนึ่งให้ น.นที ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็น พระสมเด็จนายเผ่า (พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา และอดีตอธิบดีกรมตำรวจ) ปี ๒๔๙๕ สร้างที่วัดอินทรวิหาร นับเป็นพระองค์แรกที่ น.นที ได้แขวนติดตัวตั้งแต่สมัยนั้น
หลังจากนั้นไปเช่าพระพิมพ์สมเด็จ ๒ หน้าจากหลวงปู่นาค วัดระฆัง พระพุทธชินราช อินโดจีน ที่พุทธสมาคมฯ รวมทั้งพระท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ วัดเทพศิรินทร์ พระเหล่านี้ไม่มีปัญหา เพราะไปเช่าจากวัดโดยตรง
ส่วนพระกรุพระเก่าอื่นๆ ก็เช่าอย่างสะเปะสะปะตามสนามพระ ที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ และที่อื่นๆ โดยไม่รู้ว่าเป็นพระแท้หรือไม่ ?
วันหนึ่ง ได้นำพระที่เช่าไว้มากพอสมควร ไปให้เซียนพระคนหนึ่งตรวจสอบให้ เขากำหนดค่าดูว่า พระ ๑ องค์ สายฝน ๑ ซอง (หมายถึงบุหรี่สายฝน ซองละ ๑๐ บาท) วันแรกต้องไปซื้อบุหรี่สายฝน ๓ ซอง หมดไป ๓๐ บาท ช่วงนั้นเสียเงินค่าบุหรี่แทบทุกวัน วันละหลายสิบบาท จนมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเห็นเข้าก็บอกว่า สงสารมาก ที่ต้องเสียเงินทุกวัน จึงแนะนำให้ น.นที ไปหา อ.เภา ศกุนตะสุตร (เซียนพระรุ่นใหญ่) ซึ่งนั่งอยู่ในสนามพระเช่นกัน โดยไม่ต้องเสียเงินมาก แค่เลี้ยงโอเลี้ยง ๑ แก้ว (ไม่กี่บาท) ท่านก็สามารถดูพระให้ได้ทุกอย่าง
ปรากฏว่า พระที่เช่ามานั้นส่วนใหญ่เป็น พระปลอม ทั้งนั้น และที่เซียนพระคนแรกดูให้นั้น ก็ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะไม่เก่งจริง งานนี้เท่ากับถูกเซียนพระแหกตาหลอกเงินค่าบุหรี่ไปหลายซอง
จากการที่เอาพระให้ อ.เภา ดูบ่อยๆ ทำให้สนิทกับท่านมาก พร้อมกับได้รับความรู้เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งมีโอกาสรู้จักเซียนพระตัวจริง และเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือหลายท่านด้วยกัน
ตรงนี้ทำให้ น.นที มีโอกาสได้ส่องพระแท้องค์จริงอยู่เสมอๆ จนพอจดจำได้ว่า พระแท้แต่ละองค์ดูจุดตำหนิตรงไหนบ้าง ?
ต่อมา สนามพระวัดมหาธาตุ ปิด บรรดาแผงพระจึงต้องโยกย้ายไปที่วัดราชนัดดา ส่วนหนึ่ง และที่ตลาดนัดท่าพระจันทร์ อีกส่วนหนึ่ง (คือสนามพระท่าพระจันทร์ในทุกวันนี้)
"ช่วงนั้นผมฟิตมาก ทำให้อยากรู้อยากเห็นอะไรอยู่เสมอ เซียนพระบางท่านจึงพาไปตระเวนเดินสาย ซื้อขายพระตามที่ต่างๆ ครั้งหนึ่ง ได้ติดตามผู้ใหญ่ไปดูงานประกวดพระที่ อ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี เพื่อดูพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ของเซียนพระใหญ่ท่านหนึ่ง เอาไปโชว์ในงานนี้ นับเป็นพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว องค์แรกที่ผมได้ดูพระแท้องค์จริง รวมทั้งพระหลักยอดนิยมอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้รู้เรื่องของการซื้อขายพระ การประมูลพระ ที่เซียนแต่ละท่านต่างก็มีชั้นเชิงกันเยอะมาก เป็นเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงเอาเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มาเขียนลงในนิตยสารพระฉบับหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจของผู้อ่านจำนวนมาก โดยเฉพาะเซียนพระรุ่นใหม่ ที่หลายคนเกิดไม่ทันเหตุการณ์ในสมัยนั้น" น.นที กล่าว
ปี ๒๕๒๙ คุณคำรณ สัยยะนิธี เปิดร้านพระที่ปากซอยจรัญฯ ๑๓ (ซอยวัดนก) ซึ่งอยู่ใกล้บ้านปัจจุบัน จึงได้แวะเข้าไปขอดูพระจากที่นี่ บางครั้งก็เช่าพระที่ถูกใจ จากการที่เข้าไปร้านนี้บ่อยๆ ทำให้สนิทสนมกับคุณคำรณมาก และได้มีโอกาสรู้จักกับ เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่ ที่ร้านคุณคำรณด้วย เพราะที่นี่มีลูกค้าและเซียนพระมาเช่าพระอยู่เสมอๆ
ขณะเดียวกัน หน้าที่การงานที่แบงค์ชาติ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งสูงด้วย ทำให้ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ระดับบริหารอีกหลายท่าน โดยเฉพาะ คุณสุทธิพันธุ์ นิมมานเหมินท์ (คุณติ่ง) อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเพิ่งมาจากเมืองนอกใหม่ๆ และสนใจเรื่องพระเครื่อง จึงชวนไปเช่าพระกันบ่อยๆ จากเซียนพระรุ่นใหญ่หลายท่าน อาทิ คุณสมชาย มาลาเจริญ คุณไพศาล กสิวัฒน์ หม่อมฉลองลาภ ร.ต.ท.อนุชิต โปษยานนท์ (ต่อมาได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. (พิเศษ) ฯลฯ และที่สำคัญ คือ ท่านเสถียร เสถียรสุต เซียนพระอาวุโส
ตรงจุดนี้ทำให้ น.นที มีโอกาสได้ดูพระแท้องค์สวยระดับแชมป์อย่างมากมาย ซึ่งหลายองค์มีภาพอยู่ในหนังสือ "จอมสุรางค์อุปถัมภ์" ที่ท่านเสถียรจัดทำขึ้น และเป็นที่ยกย่องของคนในวงการพระตลอดมาว่า พระทุกองค์ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นพระสุดยอดจริงๆ ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งนั้น และใครที่ได้ไปก็จะเกิดความภาคภูมิใจเป็นพิเศษ
"เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในแวดวงพระเครื่อง ผมได้นำมาเขียนรวมไว้หนังสือรวมภาพและเกร็ดประวัติ พระเครื่องและเครื่องราง เล่มนี้ โดยผมได้ตั้งใจอย่างที่สุด ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ในการจัดทำ เพื่อให้ได้หนังสือทอง เล่มหนึ่งของวงการพระ ที่น่าสนใจศึกษา โดยมีข้อเขียน ๑๐๐ เรื่อง ภาพพระเครื่องและเครื่องราง ๘๐๐ ภาพ พร้อมกับเกร็ดประวัติในแง่มุมอันหลากหลาย ที่ยังไม่มีใครเขียนถึง และภาคผนวกภาพเครื่องรางต่างๆ ที่เพิ่มเป็นพิเศษอีก ๓๐๐ ภาพ รวมมีภาพทั้งสิ้น ๑,๑๐๐ ภาพ และยังมีข้อคิดจากสำนวนนิยายภายในของ 'โกวเล้ง' อีก ๑๐๐ สำนวน จากนิยายจีนชื่อดังหลายเล่ม ที่ล้วนน่าสนใจยิ่ง" น.นที กล่าว
หนังสือเล่มนี้ มีขนาด ๘ หน้ายก หนา ๒๗๐ หน้า พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม ด้วยกระดาษอาร์ตด้านอย่างดี หนา ๑๓๐ แกรม ปกแข็งสีทอง เป็นสิริมงคลตั้งแต่ปกหน้าถึงปกหลัง รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ในวงการพระที่หาอ่านที่อื่นไม่ได้
เปิดจองวันนี้ ในราคาเล่มละ ๑,๑๐๐ บาท (ค่าจัดส่ง ๑๐๐ บาท) เฉลี่ยภาพละ ๑ บาทเท่านั้น (วางตลาดเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท) พิมพ์จำนวนจำกัด สอบถามได้ที่โทร.๐-๒๕๖๑-๑๖๓๑-๒, ๐-๒๔๑๕-๘๕๘๕
น.นที กล่าวในตอนท้ายว่า "ผมจัดทำหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นในทางธุรกิจ แต่เพื่อให้เป็นผลงานชิ้นหนึ่งในชีวิตของผม ที่มีโอกาสได้ทำงานด้วยใจรัก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของผมอย่างแท้จริง"
ข้อมูลจากเว็บ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=481904
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ