ติดตามข่าวสารทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยได้ที่หัวข้อด้านซ้ายมือผู้อ่านครับ เเละขออภัยครับสำหรับท่านที่ส่งให้ดูพระหรือให้บูชาพระทาง emailบางครั้งผู้จัดไม่ได้เข้าไปตอบกลับหรือตอบกลับเเต่ก็เป็นเเค่พื้นฐานตามหลักสากลนิยมเท่านั้นเเต่ก็มีอาจารย์หลายๆท่านที่วงการยอมรับเเละที่ตรวจเช็คจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเท่านั้นในการชี้ขาดในการส่งประกวดเเล้วเเต่ละงานควรเลือกดูด้วยตัวท่านเองหรือถ้าให้มั่นใจควร ส่งพระให้สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยออกใบรับรองพระแท้ซึ่งสมาคมจะเชิญผู้ชำนาญการพระเเต่ละประเภทมาทำการตรวจสอบ สมาคมจัดประมาณปีละ ๒-๓ ครั้ง ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น ๓ ในเเต่ละปีก็สามารถติดตามข่าวสารจากสมาคมได้น่ะครับจากที่กล่าวมาเเล้ว ขอบคุณครับ

หน้าเว็บ

ลักษณะเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังโดยอาจารย์ตรียัมปวายหรือพ.อ.ผจญ กิตติประวัติ(ผู้กองสันทัด)

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ลักษณะเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังความคิดเห็นอาจารย์ตรียัมปวายหรือ พ.อ.ผจญ กิตติประวัติ(น.ท.สันทัด แห่งกองทัพอากาศ)

การศึกษาเเละพิจารณาพระสมเด็จวัดระฆังทุกวันนี้นับวันเหลือผู้รู้ผู้ชำนาญประเภทรู้จริงรู้ลึกจำนวนน้อยเเทบจะนับคนได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเรียนรู้จากตำรับตำราเก่าๆซึงนับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง เพื่อทบทวนความรู้ที่คนเก่าคนเเก่เล่าขานไว้เกี่ยวกับลักษณะเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังที่เเท้มาบันทึกไว้ให้ศึกษากัน เจ้าของทัศนะต่อไปนี้ท่านคืออาจารย์ตรียัมปวาย ยอดบรมครูปรมาจารย์พระเครื่องผู้สถาปนาพระชุดเบญจภาคี ไว้ให้คนรุ่นเราเเละรุ่นหลังได้ใฝ่ฝันปราถนากันตราบจนทุกวันนี้นั่นเอง อาจารย์ตรียัมปวายท่านได้เเสดงทัศนะหรือความคิดเห็นถึงลักษณะเนื้อของพระสมเด็จวัดระฆังไว้โดยเเบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. ประเภทเนื้อเเกร่ง
2. ประเภทเนื้อหนึกนุ่ม
นอกจากนี้ท่านอาจารย์ตรียัมปวายท่านได้ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดลักษณะของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังไว้ซึ่งจะขออนุญาต นำเสนอเป็นวิทยาทานดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจารย์ตรียัมปวายได้เเสดงความเห็นไว้ลักษณะของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังไว้ 13 ประการดังต่อไปนี้
1.ความละเอียด ปรกติเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังจะมีลักษณะค่อนข้างละเอียดเพราะเป็นเนื้อปูนต่างกับเนื้อดินเผาของพระชนิดอื่นๆ ส่วนเนื้อหยาบก็มีปรากฎเหมือนกันเเต่มิได้มีลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆดังเช่นเนื้อประเภทอิฐหรือกระเบื้องของพระเครื่องๆเนื้อดินเผาหากมีลักษณะเป็นหย่อมๆของเนื้อเเสดงว่ามวลสารต่างๆมิได้คลุกเคล้ากันอย่างเเนบเนียนสนิท
 ลักษณะเหล่านี้ทำให้วรรณะของพระเป็นกระหย่อมๆเเละไม่เป็นข้อเสียตรงข้ามกลับทำให้เนื้อมีความซึ้งยิ่งขึ้นเเต่บกพร่องในเรื่องมีความเเกร่งมากกว่าธรรมดา
2. ความนุ่ม เป็นลักษณะของเนื้อที่รู้สึกได้จากการพิจารณาด้วยนัยน์ตาเป็นส่วนใหญ่ เเละอาจใช้สัมผัสด้วยมือช่วยบ้างก็ได้ เนื้อชนิดทีมีความนุ่มมากๆมองดูจะเห็นความนุ่มนวลของเนื้อไม่กระด้างนัยน์ตาเเละสัมผัสดูจะรู้สึกว่ามีผิวนุ่มๆเล็กน้อยไม่ระคายกระด้างมือ เเต่มิได้หมายถึงว่าเนื้อจะมีลักษณะนุ่มนิ่มหรืออ่อนนุ่มหามิได้ ความจริงโครงสร้างภายในของเนื้อพระย่อมจะมีความเเกร่งเเฝงอยู่เป็นอันมากเสมอ จะมีความนุ่มนวลเฉพาะบริเวณผิวๆเท่านั้น ความนุ่มมิไช่เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเเกร่งเเต่เป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับความกระด้างซึ่งเป็นลักษณะของๆปลอม
3.ความเเกร่ง
ความเเกร่ง ลักษณะของความเเกร่งเกิดจากมวลสารของเนื้อปูนขาว ซึ่งจับตัวกันเเข็งเเกร่งเเต่มิได้หมายถึง ลักษณะของความกระด้างทั้งนี้เพราะลักษณะของๆจริงนั้นในขณะที่เนื้อมีความเเกร่งผิวของเนื้อย่อมจะมีลักษณะนุ่มนวลพร้อมๆกันไปด้วยเสมอไม่มากก็น้อย ของปลอมนั้นผิวจะมีลักษณะกระด้างเเห้งเเละสากมือมากหรือมิฉะนั้นก็เปียกชื้นอันเนื่องมาจากใช้น้ำมันบางอย่างชโลมหรือขัดผิวให้มันเพื่อให้คลายความกระด้างลง
ถ้าเอาพระสมเด็จวัดระฆังของเเท้ขยับกับเเผ่นหินอ่อนหรือเเผ่นกระจกหนาๆจะปรากฎเสียงกระทบกังวานใสดุจกระเบื้องกังใส องค์พระจะพริ้วตัวมากตามจังหวะนิ้วมือที่ขยับ ส่วนของปลอมนั้น ปรากฎเสียงทึบเเป้กบางชนิดเสียงใสเเต่ขาดความหนักเเน่นในกระเเสเสียง เเละพระจะไม่เกิดความไหวพริ้วตามจังหวะการขยับนิ้ว
4. น้ำหนัก ของเเท้ส่วนมากจะมีน้ำหนักพอตึงๆมือสมกับปริมาตรของพระ เเต่ของจริงบางองค์น้ำหนักอาจน้อยไปก็มี สำหรับของปลอมหรือเลียนเเบบ ส่วนมากน้ำหนักน้อยส่วนของปลอมชนิดที่มีน้ำหนักมากก็ปรากฎเหมือนกัน ฉะนั้นต้องพิจารณารายการอื่นๆประกอบด้วยเป็นอย่างมาก
5. ความหนึก ความหนึกเป็นคุณสมบัติธรรมชาติของความนุ่ม ความเเกร่ง น้ำหนักเเละความหนึกเป็นคุณสมบัติสำคัญความเเท้ ของปลอมนั้นปราศจากความหนึกเพราะเนื้อยังไม่เก่าพอ อาจเปรียบเทียบให้เห็นความหนึกได้คือใด้พิจารณาเนื้อหินสีเขียว หินอ่อนเเละหินปูน จะเห็นว่าหินเขียวมีความเเกร่งสูงมากกว่าหินอ่อนเเละหินปูน ส่วนหินปูนมีความนุ่มสูงกว่าหินเขียวเเละความเเกร่งสูงกว่าหินปูนเเละมีน้ำหนักพอๆกันกับหินเขียวเเต่มากกว่าหินปูน ในลักษณะนี้เนื้อหินอ่อนความหนึกสูงกว่าเนื้อหิน 2 ชนิดเพราะหินเขียวเเกร่งเกินไปเเละหินปุนก็หนึกนุ่มเกินไปด้วยดังนี้เป็นต้น
6. ความฉ่ำ เป็นลักษณะที่คุ่กับความนุ่มเกิดจากเนื้อมีความนุ่มเเละเงาสว่างเเต่เนื้อประเภทเเกร่งก็มีความฉ่ำเช่นเดียวกันถ้าเกิดเงาสว่างเพราะถุกใช้มาพอสมควร ของปลอมบางชนิดก็จะมีความฉ่ำบ้างเหมือนกันถ้าได้รับการใช้ให้สึกหรอพอสมควรเเต่ไม่ฉ่ำซึ่งเสมอของจริงหรือของเเท้
7.ความซึ้ง เกิดจากมวลสารของเนื้ออันผสมด้วยวัสดุซึ่งมีวรรณะต่างๆกันทำให้เกิดความซึ้งภายในเนื้อพระขึ้นเช่นวรรณะหม่นๆของผงวิเศษเเละผงเกสรดอกไม้ต่างๆเป็นต้นซึ่งมีวรรณะหม่นๆย่อมตัดกับเนื้อนวลๆของกล้วยผสมด้วยเนื้อปูนเเละวรรณะขาวนวลของเเป้งโรยพิมพ์หรือการเกิดจากการระเหิดภายในเนื้อพระเป็นต้น
8.การเเตกลายงา เกิดจากการที่เนื้อถูกลงรักเกลี้ยงไว้ตั้งเเต่สมัยที่สร้างเสร็จ ขณะที่เนื้อยังไม่เเห้ง
สนิทเมื่อรักล่อนเเล้วจะปรากฎรอยเเตกอย่างละเอียดของเนื้อบริเวณด้านหน้า ด้านหลังจะไม่มีการเเตก
ลายงาเป็นอันขาด เเละตามร่องการเเตกเนื้อจะปรากฎวรรณะของรักน้ำเกลี้ยงเป็นสีดำสนิท นอกจากนี้อาจปรากฎทองเก่าติดอยุ่กับเนื้อรักเก่าย่อมจะเป็นของปลอมเช่นเดียวกันเนื้อที่เกิดการเเตกลายงาจะต้องเป็นเนื้อประเภทเเกร่งๆเนื้อประเภทนุ่มๆนั้นเเม้จะได้รับการลงรักเก่าไว้ก็จะไม่เเตกหรือจะมีปรากฎเพียงรอยตื้นๆเเละเป็นบริเวณส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเนื้อเเห้งสนิทเเล้วจะไม่เเตกลายงาเช่นเดียวกัน
ลักษณะการเเตกลายงาโดยดูจากพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ฉายาองค์เเตกลายงา ของปรีดา อภิปุญญา ของเเท้จากวงการ



ส่วนภาพนี้คือการเเตกลายงาจากงาเเท้ซึ่งเเตกต่างจากการเเตกลายสังคโลกเห็นได้ชัด


9.การเเตกลายสังคโลก เป็นการเเตกลายที่ละเอียดเเละตื้นกว่าลายงาส่วนมากจะเเตกทางด้านหน้า
ภาพด้านล่างผมจะเปรียบเทียบการเเตกลายสังคโลกเเบบเเท้ให้ดูน่ะครับจากของในพิพิธภัณฑ์เครื่องสังคโลกนี้ บาตรสังคโลก ยุคสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ 18-19 สมบัติวัดสุวรรณภูมิ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 วัดสุวรรณภูมิ

 ส่วนภาพด้านล่างชุดที่สองเป็นเเตกลายสังคโลกจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ณ กรุงปักกิ่ง
ส่วนภาพด้านล่างนี้เครื่องสังคโลกชำรุดเเตกที่เห็นเเตกราวใหญ่ไม่ไช่ลายสังคโลกน่ะครับ






 เเตกลายสังคโลกบ้านเชียง
 เเตกลายสังคโลก เครื่องปั้นดินเผา2000-5000 ปีครับอยู่ในชุมชนบ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา 
 เเตกลายสังคโลกของราชวังต้องห้าม ณ กรุงปักกิ่ง
 ส่วนชุดที่สี่เป็นเเตกลายสังคโลกบ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา
ด้านหลังมีบ้างเป็นลายตื้นๆ การเเตกลายชนิดนี้มิได้เกิดเพราะการลงรักเเต่เป็นการเเตกลายเพราะปฎิกิริยาของปูนเมื่อเเข็งตัวความเเห้งตัวเเละความเเข็งตัวของสารวัตถุในเนื้อไม่เท่ากันจึงเเตกรานขึ้นมาเเละจะเเตกเฉพาะเนื้อประเภทเเกร่งๆเท่านั้น
10.การลงรักปิดทอง รักมีอยุ่ 2 ชนิดคือรักน้ำเกลี้ยงเมื่อเเห้งตัวดีเเล้วจะล่อนออกเองหรืออาจทำให้ล่อนออกได้โดยง่าย ส่วนรักดำนั้นมีเนื้อหนาเเละเหนียวเเน่นเอาออกได้ยากจึงมักจะปิดบังรายละเอียดของสัดส่วนองค์พระไว้ พระสมเด็จฯบางขุนพรหมที่เปิดกรุในพศ 2500 มีปรากฎหลายองค์ที่ได้รับการปิดทองเปล่าๆเรื่องรักเก่าทองเก่านี้ต้องระมัดระวังให้มากเพราะในปัจจุบันของปลอมทำได้คล้ายคลึงมากทีสุด
11.การลงทองล่องชาด เท่าที่ปรากฎของจริงมีเฉพาะพิมพ์ทรงปรกโพธิ์เท่านั้น พิมพ์ทรงอื่นๆยังไม่ปรากฎวรรณะของชาดเก่าซีดมากเเละทองก็เเห้งเหี่ยวย่นตามผิวเรื่องลงทองล่อนชาดนี้ก็เช่นเดียวกันมีของปลอมระบาดมากที่สุด พึงระวังอย่าได้ประมาท 99% มักจะเป็นของปลอม
12.เเป้งโรยพิมพ์หรือเกิดจากการระเหิดเนื้อองค์พระ คือผิวนวลๆทึ่เกิดจากพระที่ไม่ค่อยได้ใช้หรือเกิดจากการเอาพระสรงน้ำเเล้วผึ่งให้ผิวเเห้งเกิดได้ทั้งเนื้อนุ่ม เเละเนื้อเเกร่งเเต่สำหรับเนื้อเเกร่งเกิดได้น้อยกว่าเนื้อนุ่ม บางคนเข้าใจผิดนำอาพระที่มีผิวเหลืองนวลงามอยุ่เเล้วไปล้างน้ำเเละเเช่กรดบางอย่างความงดงามหมดสิ้นไปกลายเป็นผิวขาวขึ้นมาเเทนความจริงเเล้วเขาไม่ทำอย่างนั้นกันพราะเป็นการกระทำที่โง่เขลามาก
13. ทรายเงินทรายทอง เป็นอนุภาคอันละเอียดผสมผสานอยู่ในเนื้อพระเป็นส่วนน้อยเเละสำหรับบางองค์จะปรากฎอยู่ตามผิว ถ้าใช้เเว่นขยายตรวจดูอย่างละเอียดโดยเฉพาะจะมีมากสำหรับเนื้อประเภทเเกร่ง








18 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

รูปพระเครื่องที่นำมาลงให้ชมเป็นพระที่สวยแท้ดูง่ายมากครับ

สลา กล่าวว่า...

ที่ดูการอธิบาย ก็น่าเชื่อถืออยู่ครับ..แต่ตรงที่บอกว่าพระปลอมทำด้วยเลซิ่น นี่ยังไม่น่าเชื่อถือ(สารเลซิ่นจะไม่แตกหักครับ) เพราะที่ผมเห็นพระปลอมก็สร้างด้วยปูนเกือบทั้งหมด เพราะแตกหักแล้วเห็นเนื้อใน บางองค์ว่าเก๊แน่ๆแต่พอแตกหักเห็นเนื้อในนั้นมีมวลสารของเซียนที่บอกว่าในพระระฆังมีอยู่ครบ..และที่น่าสังเกตุคือพระของเซียนสายสมาคมนั้น..(เป็นกรรมการพระสมเด็จด้วยนะครับ) เห็นบางคนลงภาพพระสมเด็จวัดระฆังโชว์ในเว็ปแล้ว ให้เปล่าผมก็ไม่รับครับ..ไม่เชื่อลองเปิดเว็ปพระแถวเมืองนนท์ดูครับ...ว่าท่านยินดีรับหรือไม่? ผมรับได้แค่ 2 องค์สำหรับวัดระฆัง ครับ.....อ้อที่แน่ๆ ก็ไม่มีใครรับรองว่าพวกเซียนเคยเห็นพระสมเด็จองค์จริงมาแล้ว...เพราะล้วนเกิดไม่ทันทั้งสิ้น..มีแต่ฟังคำบอกเล่าและสอนให้เชื่อตามกันมา...อีกอย่างพวกเซียนสายสมาคมไม่นิยมพระพิมพ์พิเศษ ตีว่าเก๊หมด..แต่เดี๋ยวนี้มีเซียนสายสมาคมบางคนห้อยพระสมเด็จวัดระหัง 2 หน้า ด้านหนึ่งเป็นพิมพ์เกศบัวตูม อีกด้านหนึ่งเป็นพิมพ์ฐานแซม...และอีกข่าวที่ปิดกันให้แซดคือ เซียนพระทำสมเด็จปลอมขายต่างชาติราคา หลายล้านบาท ปรากฎว่าเก๊ ต้องหาเงินมาผ่อนคืนผู้ซื้อกันจนหน้าเหี่ยว..พวกนิยมพระก็ลองใช้การวิเคราะห์ข้อมูลกันเองครับ..ยุคนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าสามารถตรวจสอบความเก่าด้วยวิธีวิทยาศาสตร์เพื่อหาสารคาร์บอนกันได้แล้วครับ

Bermudathai กล่าวว่า...

คำว่าเรซิ่น เป็นเรซิ่นสำหรับหล่อแบบครับ ลักษณะของเนื้อเรซิ่นจะขึ้นอยู่กับเนื้อหรือสาร
ที่นำมาผสม ถ้าผสมผงทัลคัม เนื้อจะมีความยืดหยุ่น(บ้าง) เกลาเนื้อเกลาตะเข็บง่าย
ถ้าผสมปูนปลาสเตอร์เนื้อจะแข็งมากและไม่ยืดหยุ่น
ถ้าเรานำมาผสมกับเนื้อผงจะทำให้เนื้อนั้นมีเเต่ความเเข็งกระด้างครับเเต่สามารถตกเเต่งเนื้อนั้นๆง่าย ความหนึกนุ่มไม่มี ความเป็นธรรมชาติไม่มี ดูง่ายครับ ส่วนที่บอกว่าคนในวงการเเขวนพระนอกพิมพ์ก็คือคุณพยัพ เเขวนเล้วสบายใจไม่เกี่ยวกับพาณิชย์ก็ ok ครับ ส่วนทีบอกว่าเซืยนทำพระปลอมขายนั้นไม่เคยได้ยินเลยครับเเต่ละคนก็รวยๆทั้งนั้นเเหละครับไม่จำเป็นต้องปลอมเเล้วเอาไปขายหรอกครับเขามีรับประกันตลอดครับที่พูดถึงไม่รู้เซียนนอกวงการหรือเปล่าเพราะถ้าในวงการไม่เคยมีเรื่องเเบบนี้ ขอบคุณครับ

Bermudathai กล่าวว่า...

ในเว็บพันธ์ทิพย์พระเครื่องมีขายสมเด็จวัดระฆังปลอมกันเยอะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จากการดูฟังหรืออ่านจากหลายๆที่หลายๆแห่งนั้น ความจริงเเล้ว พิพมพ์พระของสมเด็จนั้น ช่างที่ทำพิพมพ์ให้สมเด็จนั้นมีกี่ท่านเเน่ครับ เเละเเต่ละท่านมีพิมพ์ทรงพระที่เเตกต่างหรือเหมือนกันเช่นไรครับ ขอความกรุณาชี้เเนะเป็นวิทยาทานด้วยครับ

Unknown กล่าวว่า...

ลองเซิท www. phrasomdejaugprathom ดูครับ อาจมีประโยชน์และอาจไขข้อข้องใจต่างๆได้บ้าง ครับ
ธุลี

Unknown กล่าวว่า...

พระสมเด็จวัดระฆังทุกพิมพ์ที่ว่าลึก. อาจารย์เซียนทั้งโปรดชี้แนะด้วยว่าเขาลึกแบบใหน

dolamonae86 กล่าวว่า...

พระสมเด็จนั้นที่จริงมีกี่ช่าง กี่พิมพ์ กี่เนื้อหา ไม่มีใครตอบได้ครับ แต่เท่าที่รู้นะพระสมเด็จหน้าจะสร้างคบ 84000 พระธรรมขันณ์ ผมว่าน่าจะครบนะครับ เพราะหลวงพ่อต้องสร้างให้ครบตามหลักสูตรของการสร้าง เพื่อสืบทอดพระศาสนา ใครมีใว้ผมว่าจะราคากี่แสนกี่ล้านมันขึ้นอยู่กับจิตใจนะครับ จะผิดพิมพ์หรือถูกพิมพ์แต่ถ้าเนื้อของอายุพระได้ ผมว่าน่าจะOkแล้วนะครับ พระที่เรานับถือขึ้นอยู่กับจิตใจครับ ถ้าคนเล่นพระสมเด็จศึกษาแต่พระสมเด็จ ดูทุกวัน หมั่นใฝ่หาความรู้ ผมเชื่อว่าสักวัน คุณจะได้พระสมเด็จแท้ๆใว้ครอบครองแน่นอนครับ! ผมเชื่ออย่างนั้น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมเชือครับ

ผมนั่งคิดเล่นๆนะ...
สมเด็จฯวัดระฆัง สร้าง 84000 องค์
สมเด็จฯบางขุนพรหม สร้าง 84000 องค์
สมเด็จฯเกศไชโย สร้าง 84000 องค์
รวม 252000 องค์
อายุเพิ่ง ร้อยกว่าปี
***ชำรุด เสีย สูญหาย ราวๆ 15% โดยประมาณ/ 252000-15%= ยอดคงเหลือสุทธิ 214200 องค์***

- อยู่บนหิ้ง หรือ พิพิธภัณฑ์ ตามวัด หรืออยู่บนคอ ประมาณ 70%ของยอดคงเหลือสุทธิ = 149940
- อยู่ต่างประเทศประมาณ 5%ของยอดคงเหลือสุทธิ =10710
- อยู่ในมือเซียน ร้านพระเครื่อง ราว 10% ของยอดคงเหลือสุทธิ = 21420

มองโลกในแง่ดี ยังเหลือพระสมเด็จฯทั้ง 3 วัด ให้ตามหาอีกตั้ง = 214200-(149940+10710+21420) = 32130 องค์

*เห็นหนังสือบางเล่มสัมภาษณ์เซียนพระ
- บ้างก็ว่า พระสมเด็จที่เห็นแท้ๆ มีอยู่ ไม่กี่ร้อยองค์
- บางที่แยกออกมาเลยว่า สมเด็จที่หมุนเวียนเปลี่ยนมือในระบบ วัดระฆัง 2000 บางขุนพรหม 4000 เกศไชโย 7000 องค์ รวมก็ 13000 องค์
แล้วที่เหลือเป็นหมื่นๆหายไปไหน???? หรือถูกตีเป็นพระเก๊

นี่ยังไม่รวม นอกพิมพ์ พิมพ์ไม่นิยม พิมพ์โบราณ พิมพ์ล้อ พิมพ์ตลก สารพัดพิมพ์

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พระสมเด็จมีของแท้มากมายครับ แต่มันหลายพิมพ์ เป็นพิมพ์โบราณที่เสี้ยนไม่นิยม เท่าที่ศึกษามากว่า ๓๐ ปีของผม อยู่กับปู่ซึ่งเคยเป็นทหารเก่าคราวอยู่อยุธยา มีมากมายหลายพิมพ์ครับ มีกว่า ๕๐๐ พิมพ์ คุนที่ยกตนว่าเป็นเซียนนี้ แท้จริงก็ไม่รู้ไปหมดหรอกครับ หลอกกันๆไปวันๆ ทำให้วงการพระสมเด็จแคงท่าน คิดดูหลวงปู่โตท่านสร้างพระสมัยคราวหนุ่มๆ ตั้งแต่ยังบวชใหม่ท่าน สร้างพระมากว่า ๖๓ ปี ท่านเกิดปี๑๓๓๑ บวชคราวเป็นเณร บวชเป็นภิกษุตลอดชีวิตท่าน มรณะ ปี ๒๔๑๕ ท่านสร้างโดยไม่ใส่ใจพิมพ์ต่างๆ ต่อมาท่านรับตำแหน่ง ไอ้ช่างหลวง อยากให้พระมีเอกลักษณ์ เลยแกะพิมพ์ไหล่ยกซ้ายสูง เส้นซุ้มขวามือท่านขึ้นไปเลยไหล่ตรงหักโค้ง ซ้ายไหล่ท่านตัดขอบชิต แบบ ๓ มิติ ซอกเว้าแขนซ้ายลึก สมัยก่อนท่านสร้างใช้บล๊อกหินทำ จะดูน้ำยาวิทยาศาตร์ทำปลอมก็ง่าย ของธรรมชาติดูง่าย ไม่สวยงาม โย้เย้ เป็นธรรมดา พระแบบโบราณของท่านมีมากมายครับน่าจะอยู่ประมาณสัก ๘ - ๙ แสนองค์ครับ มีทั้งเนื้อดิน หว่าน ผงเนื้อปูนหอย หิน ข้าว กล้วย นำผึ้ง มากมายครับหลายเนื้อ หากใครสนใจพระแท้มีพุทธคุณแบบโบราณ แต่คุณอย่าสนใจแบบแม่พิมพ์นะครับจำไว้ท่านจะได้ของแท้ ของปลอมสวยไม่มีพุทธคุณ ไม่ถึงยุค พิมพ์ก็เป็นพิมพ์นิยมช่างหลวง เสี้ยนเซียนเสียวยุคใหม่ผลิตมาขายเองครับ แบบพานิชครับผม พิจารณานะครับไม่ว่ากันตามใจคุณ

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าพิมพ์ทรงไม่ใช่เนื้อใช่ แล้วชิ้นส่วนพระสมเด็จหักที่เซียนลงขายดูพิมพ์ทรงตรงไหนครับ

Unknown กล่าวว่า...

ผมมีสมเด็จธรรมดาองค์หนึ่งเมื่อส่องดูใกล้กับแสงจะเห็นสีทองระยิบระยับตามรูที่สึกมากมายคือพระสมเด็จหรือเปล่าครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูล ความคิดเห็นของทุกท่านครับ
ผมก็เพิ่งเข้ามาศึกษาเพราะที่บ้านมีเยอะ ไม่แน่ใจว่าจะใช่ไหม
ยังไงผมต้องขอขอบคุณทุกๆท่านด้วยครับ ถึงยังไงตังก็สู้ใจไม่ได้แน่ครับสำหรับผม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมเคยเอาพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ไปให้เซียนใหญ่เค้าว่าระดับอาจ่ารย์อุตส่าขับรถจากเชียงใหม่มานัดกันพอเจอผมเอาพระให้ดูแล้วเซียนส่องสักครึงชั่วโมงแล้วตอบว่าตื้นไปผมแทบเป็นลมก็แสดงว่าพระผมทุกอย่างดีเพราะเซียนไม่ติเลยติแค่ตื้นไปแล้วเอาอะไรมาชี้ว่าตื้นหรือลึกเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี2557และรับรองว่าเป็นเรื่องจริงใครทราบว่าทำไมเซียนท่านนี้ถึงชี้แบบนี้เอาอะไรเป็นมาตราฐานว่าตื้นไปงงจริงๆครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แล้วคนจนที่เก็บสะสมตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อไม่มีเงินตรวจสอบและไม่มีโอกาสเลี่ยมทองโชว์ละตามบ้านนอกยังมีอีกมากมายครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับจากที่สังเกตุดูองที่ชัดและลึกจริงๆผมว่าพระสมเด็จพุทธาจารย์โตช่างแกะพิมพ์ท่านสร้างเป็นพระพุทธรูปที่ทรงเครื่องครับ ที่บอกว่าเห็นหูรำไรหรือเกษมีลักษณะเป็นปล้องเหมือนพวงมาลัยนั่นคือท่านสรวมชฎาครับ แล้วยังมีพวกสังวาลพาดหัวใหล่และหน้าอกอีก ตรงต้นแขนข้อมือข้อเท้าอีกล่ะสังเกตุดูครับความสวยงามความเก่าเนื้อหาพุทธคุณและราคาน่าจะวัดกันตรงนี้ด้วยก็ได อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้เราเกิดไม่ทัน ระดับช่างหลวงคงไม่แกะพิมพ์พระแบบง่ายๆเหมือนช่างชาวบ้านกระมัง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คนอิสานบ้านผมเข้าไปบุกเบิกทำงานสารพัดอาชีพในกรุงตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ทั้งแม่บ้าน คนรับใช้ ช่างก่อสร้าง ค้าขายฯไม่ต้องห่วงคนอิสานศรัทธานับถือพระเจอที่ไหนหรือที่ไหนแจกเป็นต้องเก็บต้องรับเพื่อเอาไว้คุ้มครองตัวเอง ไม่ต้องห่วงว่าพระแท้จะไม่มีแถวอิสานครับ ท่านคงไม่มีอยู่เฉพาะกรุงเทพกระมัง วันหลังจะนำเสนอองค์ชัดๆให้ได้รับชมครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คนอิสานบ้านผมเข้าไปบุกเบิกทำงานสารพัดอาชีพในกรุงตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ทั้งแม่บ้าน คนรับใช้ ช่างก่อสร้าง ค้าขายฯไม่ต้องห่วงคนอิสานศรัทธานับถือพระเจอที่ไหนหรือที่ไหนแจกเป็นต้องเก็บต้องรับเพื่อเอาไว้คุ้มครองตัวเอง ไม่ต้องห่วงว่าพระแท้จะไม่มีแถวอิสานครับ ท่านคงไม่มีอยู่เฉพาะกรุงเทพกระมัง วันหลังจะนำเสนอองค์ชัดๆให้ได้รับชมครับ

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ

กระดานพูดคุยเเสดงความคิดเห็นทั่วไป

comments powered by Disqus

เเสดงความคิดเห็นผ่านFacebook