ติดตามข่าวสารทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยได้ที่หัวข้อด้านซ้ายมือผู้อ่านครับ เเละขออภัยครับสำหรับท่านที่ส่งให้ดูพระหรือให้บูชาพระทาง emailบางครั้งผู้จัดไม่ได้เข้าไปตอบกลับหรือตอบกลับเเต่ก็เป็นเเค่พื้นฐานตามหลักสากลนิยมเท่านั้นเเต่ก็มีอาจารย์หลายๆท่านที่วงการยอมรับเเละที่ตรวจเช็คจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเท่านั้นในการชี้ขาดในการส่งประกวดเเล้วเเต่ละงานควรเลือกดูด้วยตัวท่านเองหรือถ้าให้มั่นใจควร ส่งพระให้สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยออกใบรับรองพระแท้ซึ่งสมาคมจะเชิญผู้ชำนาญการพระเเต่ละประเภทมาทำการตรวจสอบ สมาคมจัดประมาณปีละ ๒-๓ ครั้ง ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น ๓ ในเเต่ละปีก็สามารถติดตามข่าวสารจากสมาคมได้น่ะครับจากที่กล่าวมาเเล้ว ขอบคุณครับ

หน้าเว็บ

อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐ

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐกับพระสมเด็จวัดระฆัง




ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชนจัดเปิดอบรมหลักสูตรการบรรยายความรู้พระสมเด็จวัดระฆังฯ โดย อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐเซียนพระชื่อดัง เป็นวิทยากรบรรยายความรู้

อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐ เซียนใหญ่วัย 79 ปี เป็นชาวเมืองกรุง เกิดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2476
อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐเผยความเป็นมาในช่วงวัยหนุ่มว่า เริ่มสนใจพระเครื่องตั้งแต่อายุ 16 ปี ในช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ.2485 มีผู้ใหญ่ข้างบ้านท่านหนึ่งนำพระเครื่องมาให้ เพื่อติดตัวไว้ให้คุ้มครองจากภัยอันตราย ทำให้เกิดความสนใจและเลื่อมใสศรัทธาในพระเครื่อง

ในวัยเด็กอาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐเป็นคนชอบเล่นหมากรุก ไปขลุกอยู่บริเวณบาร์มหาผัน ซึ่งเป็นร้านกาแฟ เล่นหมากรุกเดิมพันหารายได้พิเศษ ด้วยครอบครัวมีฐานะยากจน
วันหนึ่งคู่ต่อสู้แพ้ ไม่มีเงินจ่าย แต่กลับนำพระเครื่องมาให้ทดแทน อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐได้นำพระเครื่ององค์นั้นไปให้เซียนพระท่านหนึ่งดู คือ "พี่ลิใหญ่" ปรากฏว่าเป็นพระแท้ คือ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ตนจึงให้พี่ลิใหญ่ขาย ซึ่งได้ขายต่อหน้าไปให้กับอดีตนายกเทศมนตรีเมืองชลบุรีท่านหนึ่ง ได้เงินมา 4,500 บาท ทำให้เกิดความสนใจ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้ตนได้
ต่อมาได้พบกับเซียนอีกท่านหนึ่ง คือ "อาจารย์เซีย" ทั้ง 2 ท่านเริ่มถ่ายทอดวิชา จนเกิดความชำนาญในการเช่าซื้อและปล่อยขาย นับได้ว่าท่านทั้ง 2 คนนั้นเป็นอาจารย์ที่คอยให้คำปรึกษา
ครั้นเริ่มมีชื่อเสียง อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐได้เปิดร้านพระเครื่องชื่อ "จรรโลงศิลป์" ที่ตลาดพระท่าพระจันทร์ (ปัจจุบันร้านนี้มีผู้อื่นดูแล) ในอดีตเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว "เธ้า ท่าพระจันทร์" ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักซ่อมพระเครื่องชั้นเยี่ยมคนหนึ่งในวงการอีกด้วย
ด้านพระเครื่องที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษของ "เธ้า ท่าพระจันทร์" คือ พระสมเด็จหรือพระชุดเบญจภาคีทั้งหมด ส่วนตัวได้นับถือองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) เป็นพิเศษ จะไปกราบรูปเหมือนท่านที่วัดระฆังฯ ทุกวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันเกิดของท่าน
ส่วนที่มาของฉายา "ท่าพระจันทร์" เพราะทั้งบ้าน ทั้งร้านเช่าพระ ร้านซ่อมพระ อยู่ในตลาดท่าพระจันทร์ ทำให้ผู้คนเรียกฉายานี้กันมาจนติดปาก

มุมมองความเห็นของอาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐที่มีต่อวงการพระเครื่องในปัจจุบันกับอดีต ว่า มีความแตกต่างกันมากอย่างสิ้นเชิง เพราะในสมัยก่อนคนที่นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทยแทบจะนับจำนวนคนได้ แต่ในปัจจุบันมีคนนิยมมากกว่าครึ่งประเทศก็ว่าได้

วงการพระเครื่องนั้นก็เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เด็กรุ่นหลังนี้เก่งและมีความสามารถกันแทบทุกคน ในหลายสิบปีก่อนการซื้อ-ขายพระเครื่องนั้นโดนดูถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชีพที่ขายพระกิน เป็นสิ่งไม่ดี แต่ในยุคสมัยใหม่นี้เปลี่ยนไป อาชีพนี้กลับได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ให้เป็นเศรษฐีร่ำรวยกันแทบทุกคนŽ

อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐกล่าวต่อว่า พระเครื่องในอดีตนั้นจะมีชื่อเสียงโด่งดังได้โดยพุทธคุณและการพูดกันปากต่อปากควบคู่กันไป แต่ในยุคสมัยใหม่นี้พระเครื่องหรือพระเกจิคณาจารย์ต่างๆ จะมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะได้รับการโฆษณาหรือโปรโมตจากสื่อเป็นส่วนใหญ่

ทางด้านหลักในการดูพระเครื่อง อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐมีหลักข้อสำคัญ คือ 1.ดูศิลปะให้ออก คือ ศิลปะผู้สร้างหรือแม่พิมพ์ และศึกษาจากของจริง 2.พอศึกษาจากพิมพ์ทรงจนเข้าใจก็เริ่มศึกษาในเนื้อหามวลสารของพระเครื่องหรือเอกลักษณ์ 3.ดูอายุของพระเครื่องให้ออก ศึกษาเนื้อหาการหดตัวและธรรมชาติขององค์พระ จะบ่งบอกถึงยุคสมัยของพระเครื่อง ของเลียนแบบจะมีความแตกต่างจากของจริงอย่างสิ้นเชิง

อาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐได้ฝากทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับพระสมเด็จวัดระฆังฯ สามารถเข้าฟังการบรรยายข้อมูลอย่างละเอียด ในวันที่ 29 เม.ย.2555 ณ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ อัตราค่าเข้าร่วมการอบรมท่านละ 2,500 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน โทร.0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124 ชำระด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ เลขบัญชี 737-2-13905-0 บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ขอขอบคุณข้อมูลจากข่าวสดออนไลน์
เคล็ดลับดูพระสมเด็จวัดระฆัง แท้หรือเทียมของอาจารย์เธ้า ท่าพระจันทร์หรือนายวิโรจน์ ใบประเสริฐ
ในยุคที่เต็มไปด้วยของก๊อบปี้เกลื่อนตลาด ไม่เว้นแม้ตลาดพระเครื่อง ที่มี "พระเทียม" วางกันเต็มแผง แยกแทบไม่ออกว่าอะไรเก๊ แท้ เพราะนักดูพระประจำแผงก็ยังเป็น "เซียนเก๊" จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะพิสูจน์ว่าอะไรเป็นของแท้


ไม่ใช่ทุกคนที่ จะชี้ชัดได้ว่า พระเครื่ององค์ใดเป็นของแท้หรือเทียม นอกจากผู้ที่ศึกษาค้นคว้าแบบลึกซึ้ง ตั้งแต่ตำนาน การสร้าง พิธีการ ลักษณะแม่พิมพ์ เนื้อมวลสาร ปีที่สร้าง ในเมืองไทยมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ศึกษาแบบจริงจัง จนเรียกได้ว่าเป็น "เซียนพระ"
สำหรับเซียนมือหนึ่งพระสมเด็จวัดระฆัง ต้องยกให้ "วิโรจน์ ใบประเสริฐ" หรือที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่องว่า "เซียนเธ้า ท่าพระจันทร์" วัย 79 ปี ผู้ที่ยังคงจดจำตำหนิทุกตำแหน่งของพระสมเด็จวัดระฆัง ยอดปรารถนาของบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคล เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีที่มีราคาหลักล้านถึงหลายสิบล้าน
ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน หรือมติชน

อคา เดมี จึงได้เปิดอบรมหลักสูตรการบรรยายความรู้เรื่อง "ทักษะพื้นฐาน ความรู้เรื่องพระสมเด็จวัดระฆัง" โดยเชิญเซียนเธ้า ท่าพระจันทร์ มาเป็นวิทยากรผู้อบรมถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาดูพระสมเด็จวัดระฆังที่ไม่เคยเผย ที่ไหนมาก่อน และมี "วัธนชัย มุตตามระ" หรือ "แทน ท่าพระจันทร์" มาช่วยเสริมอีกแรง คอร์สนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมเต็มทุกที่นั่ง ทั้งเซียนพระมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาอัพเดตข้อมูลความรู้ใหม่ รวมทั้งนักสะสมพระเครื่อง ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

เซียน เธ้า ท่าพระจันทร์ ได้เผยเคล็ดลับการดูพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์เกศบัวตูม ด้วยการศึกษาแม่พิมพ์ เนื่องจากแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง องค์แท้มีรูปแบบที่ตายตัวเลียนแบบได้ยาก

จากคำแนะนำการดูฉบับ ละเอียดยิบจากปากของเซียนเธ้า ถอดความออกมาคร่าว ๆ ได้ว่า หลักสำคัญในการดูว่าแท้ หรือเทียม คือตำหนิที่ไม่อาจลอกเลียนแบบ หรือเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือแม่พิมพ์

จุดแรก พระพักตร์พระสมเด็จวัดระฆังของจริงจะต้องหันพระพักตร์ไปทางซ้ายหัวเข่าขวา พระจะจม ส่วนหัวเข่าทางซ้ายจะนูนกว่า จุดนี้เองเป็นสิ่งที่เลียนแบบไม่ได้ เพราะนี่คือสุดยอดศิลปะแม่พิมพ์ ผู้แกะพิมพ์คำนึงถึงสัดส่วนมิติความเป็นจริงจากพระพุทธรูป
จุดที่ 2 นำกระดาษมาทาบจากปลายเกศถึงฐานล่างด้านซ้ายพระ จะสัมผัสกันเป็นเส้นตรงตั้งแต่ปลายเกศมาชนหัวเข่าและยาวมาถึงฐาน ต่างกับด้านขวาพระ หากทาบลงในลักษณะเดียวกันจะไม่เป็นเส้นตรง เนื้อกระดาษจะเกยพื้นที่หัวเข่าด้านซ้าย หากทาบจากปลายเกศมาถึงปลายเข่าก็จะเลยฐานออกไป จุดสังเกตนี้เซียนเธ้าบอกว่า "ไม่เคยเฉลยที่ไหนมาก่อน กว่าจะค้นพบจุดนี้ได้ ต้องใช้เวลาถึง 20 ปี"

จุดที่ 3 รูปพระพักตร์คล้ายผลมะตูมป้อม มีใบหูทั้งสองข้าง แต่อาจจะกดพิมพ์ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ขึ้นอยู่กับการแกะแม่พิมพ์
จุด ที่ 4 เส้นซุ้มครอบระฆัง โดยธรรมชาติของระฆัง 2 ข้างจะเท่ากัน แต่สมเด็จวัดระฆังจะมีจุดที่แตกต่าง คือเส้นโค้งของครอบแก้วด้านซ้ายจากหัวไหล่ถึงหูจะเป็นเส้นตรง ไม่ใช่เส้นโค้ง

จุดที่ 5 เส้นเว้าโค้งของขอบด้านในครอบแก้วด้านบนขวาองค์พระ เนื้อปูนจะยุบลงไปตามธรรมชาติของซุ้มครอบด้านใน เป็นการหดตัวตามธรรมชาติ หลักการนี้สามารถใช้ดูพระเก่าได้ทั้งหมด ถ้าใช้กล้องส่องดูเส้นขอบจะยุบเว้าลงไปเหมือนพรมกำมะหยี่นุ่ม ๆ มีหลายคนพยายามจะเลียนแบบการยุบตัวของเนื้อปูน โดยการใช้มีดไปเซาะให้เกิดหลุมเว้า แต่ก็ไม่เนียน เพราะสันขอบจะคม ไม่นุ่มเนียนเหมือนของเก่า

จุดที่ 6 องค์พระแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังทั้ง 4 แบบ ขนาดหน้าอกทั้งสองข้างจะไม่เท่ากัน สังเกตจากรักแร้ขวาพระถึงหัวไหล่ขวาพระจะมีเนื้อหนากว่าด้านหน้าอกซ้ายพระ
จุด ที่ 7 ผ้าอาสนะรองนั่งเป็นเส้นพลิ้วคมบาง ฐานแรกยาวออกด้านขวามือมากกว่า และฐานสิงห์หมายถึงฐานชั้นกลางจะเชิดขึ้นในด้านขวาดูรับกับฐานแรกที่เชิด ขึ้นคล้ายหัวเรือ และฐานชั้นล่างก็จะใหญ่ทึบตัน ดูข้างซ้ายจะใหญ่กว่า มีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู มีปลายงุ้มจิก ส่วนฐานล่างทางขวาพระจะเป็นสี่เหลี่ยมปลายแหลม มีเส้นแหลมที่มุมฐานล่างเป็นทิวไปชนซุ้มครอบแก้ว
ส่วนประเด็นที่มี การถกเถียงกันว่า พระแท้ลงรักปิดทองหรือไม่นั้น เซียนเธ้าบอกว่า พระสมเด็จวัดระฆังที่ลงรักปิดทองจะสวยมาก คาดว่าน่าจะเป็นเทคนิคในการพิมพ์ 10 องค์ ลงรัก 1 องค์ เพื่อจะได้ง่ายต่อการนับจำนวน

ปิดท้ายด้วย เกร็ดความรู้การสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง เรื่องมวลสารและการใช้ตอก (ไม้ไผ่) ตัด ตามความเชื่อที่ว่าตอกย้ำถึงความมั่นคง เป็นคำอวยพรให้ผู้ที่ได้รับ เนื้อผสมของมวลสารบางส่วนนำมาจากเศษไม้ไก่กุก ที่เกิดจากไก่ตัวผู้จะจิกไม้กระดานก่อนจะขึ้นคร่อมไก่ตัวเมีย เชื่อกันว่าเป็นไม้มหาเสน่ห์ หรือเมตตามหานิยมนั่นเอง
เซียนเธ้าไม่ เพียงแค่แนะนำวิธีดูพระเท่านั้น แต่ย้อนไปตั้งแต่กระบวนการสร้างแม่พิมพ์ กดพิมพ์ กระทั่งฤกษ์ปลุกเสก ละเมียดละไมในทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จวัดระฆัง จึงเป็นพระเครื่องยอดปรารถนาที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง
คำเตือน ใครที่ยังไม่มีของจริงมาส่อง ก็ไม่ควรไปจ้องของปลอม เพราะถ้าเพ่งมองดูเป็นเวลานาน จะทำให้ติดตา เกิดการจดจำเลอะเทอะ อาจทำให้เข้าใจผิดว่า พระปลอม เป็นพระแท้ได้










1 ความคิดเห็น:

trc กล่าวว่า...

ดีครับ ผมชอบ ผมคน นครสวรรค์ ผมหยากถามอาจาร์สักอย่าง1ครับ สมเด็จ เนื้อถึงยุค ถ้าเรามีอยู่นะปัจจุบัน ถ้าเราเอาไปแช่น้ำ มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ จะต่างกับพระสมเด็จ รุ่นใหม่หรือเปล่าครับ และพระจะจมน้ำหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ

กระดานพูดคุยเเสดงความคิดเห็นทั่วไป

comments powered by Disqus

เเสดงความคิดเห็นผ่านFacebook