อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์กับดูพระก็คือใช้ตาดูไม่ใช่ใช้หูดู
เมื่อถามถึงเรื่องพระเครื่องและวัตถุมงคลอาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์บอกว่า เพราะธุรกิจพระมีวงเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และดูเหมือนวงการพระที่เช่าแลกเปลี่ยนพระกันมูลค่านับล้านล้านบานจะเป็นธุรกิจที่ไม่เสียภาษี ซึ่งภาครัฐมาฮือฮาอย่างมากในช่วงที่กระแสองค์จตุคามรามเทพกำลังแรง ซึ่งหากจะดูเรื่องจริงแล้วธุรกิจการแลกเปลี่ยนพระนั้นแม้จะดูมีจำนวนเงินสูงก็จริงแต่ผู้เป็นตัวกลาง หรือเซียนพระนั้นจะได้แค่ส่วนต่างในจำนวนไม่มากนักเช่นเช่ามา ๕๐๐ บาทปล่อยไป ๖๕๐-๗๐๐ บาท ในส่วนกำไรต้องแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเช่น หน้าร้าน คนพามา อื่นๆ จิปาถะ ที่สำคัญเซียนมีระดับจะต้องการันตีหรือรับคืน
นอกจากนี้แล้วกรณีรับคืนนี่ไม่ได้หมายถึงพระเก๊เสมอไป อาจจะมีกรณีลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินหรืออยากจะเปลี่ยนเป็นองค์อื่นก็ได้ซึ่งก็จะหักเปอร์เซนต์ไปตามข้อตกลง กรณีนี้กำไรก็จะหดหายไปอีก ดังนั้นถ้าจะเก็บภาษีกับเซียนพระต้องคิดให้รอบคอบเช่นกรณีคืนพระรัฐจะคืนภาษีให้หรือเปล่าหากทำไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่กระบวนการซื้อขายใต้ดินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาก็เป็นไป
"หากพูดถึงการสร้างพระใหม่ พวกนี้จะเสียภาษีทุกขั้นทุกตอนอย่างถูกต้องอยู่แล้ว เพราะต้องจ้างโรงงานผลิต ต้องซื้อโลหะต้องจ่ายค่าทำพิธี ถวายพระ ถวายวัด นับเป็นกระบวนการการเสียภาษีอยู่แล้ว แต่คนในวงการทุกคนก็ยินดีที่จะเสียภาษีให้รัฐหากมีวิธีที่ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นธรรม ไม่มีใครอยากเลี่ยงภาษีอยู่แล้ว" อ.รามกล่าว
ผลงานเพื่อคนเล่นพระ
อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ เป็นนักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องพระเครื่องอย่างละเอียดลึกซึ้งซึ่งมีทั้งพระที่ไว้ใช้ได้แก่พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์ประภามณฑล พระรอด วัดหนองมน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เหรียญพระสมเด็จพระนเรศวร เหรียญพระพุทธชินราช หลวงปู่ทวด และยันต์เจ้าพ่อเสือ ซึ่งถือว่าเป็นพระไว้ใช้ ส่วนพระโชว์นั้นจะเป็นพระที่ค่อนข้างมีราคาไม่ได้พกติดตัวก็อยู่ในกลุ่มพระเบญจภาคี พระสมเด็จจิตรลดา และเหรียญหลัก ๆ ต่าง ๆ ที่มีบ้างพอสมควรแต่เก็บไว้ที่ธนาคาร
ปัจจุบัน อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ กำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการของพระเครื่องในสยามประเทศ และธุรกิจพระเครื่องในประเทศไทย เป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำหลายฉบับ นอกเหนือจากการออกผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กอย่างชุดเบญจภาคี ที่มียอดขายถล่มทลายซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์คติกำลังพิมพ์ครั้งที่ ๓ และเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์หลายรายการ อาทิ "เชิงอรรถประวัติศาสตร์" ช่อง ๙ รายการรู้ให้จริงกับ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ ช่อง Home Channel และรายการ "สวัสดีกำปง" ซึ่งเป็นรายสด ออกอากาศ เวลา ๒๒.๐๐-๒๓.๓๐ น. ทุกวันพุธและวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่อีกทางหนึ่งที่ผู้สนใจในการศึกษาพระเครื่องซึ่งเป็นสารคดีทางประวัติศาสตร์และมนุษยวิทยา เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดสอนเป็นคอร์สสำหรับผู้สนใจอีกด้วย ในสมัยก่อนกว่าจะได้ความรู้แต่ละทีนี่ยากเย็นแสนเข็นเพราะครูบาอาจารย์เก่าแก่ไม่ค่อยจะบอกต้องเทียวไล้เทียวขื่อกว่าจะค่อยๆ คลายมาทีละนิดทีละหน่อย แต่ปัจจุบันความรู้เปิดกว้างมีหลายรูปแบบอย่างเช่นมีการออกเป็น DVD ที่นำรายการ "รู้ให้จริงกับอาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Home Channel สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองซึ่ง DVD ชุดนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุดยอดพระเครื่องชุด "พระเบญจภาคี" จำนวน ๖ แผ่น รวม ๑๑ ชั่วโมง สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองนับเป็นวิธีการเผยแพร่วิธีการพิจารณาแนวทางการศึกษาพระอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ก็สามารถโทรศัพท์มาขอความเห็นหรือให้ไปช่วยออกความเห็นให้อยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้ อ.ราม ได้เปิดเว็บไซต์ " www.aj-ram.com" เป็นการพูดคุยทำนอง "คุยเฟื่องเรื่องพระแท้กับอาจารย์ราม" ซึ่งแฟนแฟนสามารถติดตามหาความรู้และพูดคุยกับอาจารย์รามได้" Home Channel โทร.๐๘-๘๖๒๖-๕๕๕๑ ถึง ๔
ที่มาข้อมูลhttp://www.komchadluek.net/detail/20120901/139029/อ.รามกับวจีดูพระก็คือใช้ตาดูไม่ใช่ใช้หูดู.html เรื่อง/ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์กับ ดูพระก็คือใช้ตาดูไม่ใช่ใช้หูดู เรื่อง/ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
แม้ว่าชื่อของ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ พุทธศิลปะและโบราณคดีและเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง พ.ศ.๒๕๔๓
จะหายไปจากสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย แต่ใช่ว่าเขาจะทิ้งวงการนี้ไปทั้งหมด กลับเป็นอีกคนหนึ่งที่ทุ่มเทเวลาในการศึกษาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาและพัฒนาการของพระเครื่องในประเทศไทยเคยได้รับการตอบรับให้ไปนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจพระเครื่องในประเทศไทย (Commercialization of Buddhist Amulets in Thailand during 1940-2005) ณ Northern Illinois University, Dekalb Illinois USA ทางด้านสาขา Regionalism and Traditionalism
"ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจของคำว่า ดูพระ ซึ่งหมายถึงใช้ตาดู ไม่ใช่ใช้หูดู เพราะบางคนตาจ้องพระแต่หูกระดิกคอยฟังเสียงว่าคนอื่นพูดว่ายังไงเสร็จ โดนแน่นอน เพราะพระต่างๆ จะมีนิทาน นิยาย จนบางทีคนเล่าเองยังงง บางองค์เป็นมรดกตกทอดของเจ้าคุณปู่ เจ้าคุณย่า สารพัดจะพูดกัน ตั้งสติดีๆ แล้วใช้ตาดู บางคนฉลาดหน่อยอาศัยเล่นพระองค์ที่วงการยอมรับ มีรูปลงตีพิมพ์มาหลายสิบปี ก็มักจะได้พระแท้ แต่ราคาก็ตามประวัติ คือ แพงหน่อย หากยังไม่มีทุน "ตามพระ" แล้วอยากจะเป็นเอง ก็อย่าฟังนิทาน หรือนิยายเพราะไม่มีใครยืนยันได้หรอกครับ" นี่เป็นคำแนะนำสำหรับผู้เล่นพระของ อ.ราม
ทั้งนี้ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ได้สะท้อนภาพการเล่นพระเครื่องของสังคมไทยว่า ในความเป็นจริงแล้ววงการพระเครื่องในประเทศไทยมีพัฒนาการที่น่าสนใจมากและเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีการพัฒนาและตกผลึกองค์ความรู้จนเกิดเป็นธุรกิจพระเครื่องขนาดใหญ่ที่มีทั้งพระเก่า พระใหม่รวมทั้งเครื่องรางของขลังต่างๆ ซึ่งยืนอยู่บนพื้นฐานของคติความเชื่อทางด้านศาสนาและสังคมตั้งแต่โบราณผ่านการคัดสรรกลั่นกรองจนสร้างรูปแบบเฉพาะตัวมีจำนวนเงินหมุนเวียนในวงการนับพันล้านบาทต่อปี
องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวิธีการศึกษาพระเครื่อง พระบูชา เหรียญคณาจารย์และเครื่องรางของขลังนั้นเป็นวิธีการที่มีมาตรฐานมีลักษณะคล้ายกับการศึกษาวัตถุโบราณ เนื่องจากต้องอาศัยวิธีการทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ปฏิมาณวิทยาและมานุษยวิทยา เข้ามาตรวจสอบทำให้การดูพระและวัตถุมงคลกลายเป็นสิ่งที่มีหลักฐานรองรับ จะแตกต่างกันบ้างก็คือ ในส่วนของพระเครื่องมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้วิธีการตรวจสอบไม่นิ่ง เช่น องค์พระมีจำนวนมากมายหลายชนิด หลายกรุ หลายสำนัก จึงต้องพึ่งพาผู้มีความรู้ มีประสบการณ์และต้องเข้าใจพื้นฐานการตรวจสอบ และผู้เชี่ยวชาญพระชนิดหนึ่งก็อาจจะไม่เชี่ยวชาญพระอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ปัญหาใหญ่คือมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เกิดคำว่า "พระยัดกรุ" หรือปัญหาพระนอกสารบบแต่ถูกโปรโมทขึ้นเป็นพระแท้ได้"
เมื่อถามถึงเรื่องพระเครื่องและวัตถุมงคลอาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์บอกว่า เพราะธุรกิจพระมีวงเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และดูเหมือนวงการพระที่เช่าแลกเปลี่ยนพระกันมูลค่านับล้านล้านบานจะเป็นธุรกิจที่ไม่เสียภาษี ซึ่งภาครัฐมาฮือฮาอย่างมากในช่วงที่กระแสองค์จตุคามรามเทพกำลังแรง ซึ่งหากจะดูเรื่องจริงแล้วธุรกิจการแลกเปลี่ยนพระนั้นแม้จะดูมีจำนวนเงินสูงก็จริงแต่ผู้เป็นตัวกลาง หรือเซียนพระนั้นจะได้แค่ส่วนต่างในจำนวนไม่มากนักเช่นเช่ามา ๕๐๐ บาทปล่อยไป ๖๕๐-๗๐๐ บาท ในส่วนกำไรต้องแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเช่น หน้าร้าน คนพามา อื่นๆ จิปาถะ ที่สำคัญเซียนมีระดับจะต้องการันตีหรือรับคืน
นอกจากนี้แล้วกรณีรับคืนนี่ไม่ได้หมายถึงพระเก๊เสมอไป อาจจะมีกรณีลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินหรืออยากจะเปลี่ยนเป็นองค์อื่นก็ได้ซึ่งก็จะหักเปอร์เซนต์ไปตามข้อตกลง กรณีนี้กำไรก็จะหดหายไปอีก ดังนั้นถ้าจะเก็บภาษีกับเซียนพระต้องคิดให้รอบคอบเช่นกรณีคืนพระรัฐจะคืนภาษีให้หรือเปล่าหากทำไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่กระบวนการซื้อขายใต้ดินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาก็เป็นไป
"หากพูดถึงการสร้างพระใหม่ พวกนี้จะเสียภาษีทุกขั้นทุกตอนอย่างถูกต้องอยู่แล้ว เพราะต้องจ้างโรงงานผลิต ต้องซื้อโลหะต้องจ่ายค่าทำพิธี ถวายพระ ถวายวัด นับเป็นกระบวนการการเสียภาษีอยู่แล้ว แต่คนในวงการทุกคนก็ยินดีที่จะเสียภาษีให้รัฐหากมีวิธีที่ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นธรรม ไม่มีใครอยากเลี่ยงภาษีอยู่แล้ว" อ.รามกล่าว
ผลงานเพื่อคนเล่นพระ
อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ เป็นนักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องพระเครื่องอย่างละเอียดลึกซึ้งซึ่งมีทั้งพระที่ไว้ใช้ได้แก่พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์ประภามณฑล พระรอด วัดหนองมน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เหรียญพระสมเด็จพระนเรศวร เหรียญพระพุทธชินราช หลวงปู่ทวด และยันต์เจ้าพ่อเสือ ซึ่งถือว่าเป็นพระไว้ใช้ ส่วนพระโชว์นั้นจะเป็นพระที่ค่อนข้างมีราคาไม่ได้พกติดตัวก็อยู่ในกลุ่มพระเบญจภาคี พระสมเด็จจิตรลดา และเหรียญหลัก ๆ ต่าง ๆ ที่มีบ้างพอสมควรแต่เก็บไว้ที่ธนาคาร
ปัจจุบัน อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ กำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการของพระเครื่องในสยามประเทศ และธุรกิจพระเครื่องในประเทศไทย เป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำหลายฉบับ นอกเหนือจากการออกผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กอย่างชุดเบญจภาคี ที่มียอดขายถล่มทลายซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์คติกำลังพิมพ์ครั้งที่ ๓ และเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์หลายรายการ อาทิ "เชิงอรรถประวัติศาสตร์" ช่อง ๙ รายการรู้ให้จริงกับ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ ช่อง Home Channel และรายการ "สวัสดีกำปง" ซึ่งเป็นรายสด ออกอากาศ เวลา ๒๒.๐๐-๒๓.๓๐ น. ทุกวันพุธและวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่อีกทางหนึ่งที่ผู้สนใจในการศึกษาพระเครื่องซึ่งเป็นสารคดีทางประวัติศาสตร์และมนุษยวิทยา เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดสอนเป็นคอร์สสำหรับผู้สนใจอีกด้วย ในสมัยก่อนกว่าจะได้ความรู้แต่ละทีนี่ยากเย็นแสนเข็นเพราะครูบาอาจารย์เก่าแก่ไม่ค่อยจะบอกต้องเทียวไล้เทียวขื่อกว่าจะค่อยๆ คลายมาทีละนิดทีละหน่อย แต่ปัจจุบันความรู้เปิดกว้างมีหลายรูปแบบอย่างเช่นมีการออกเป็น DVD ที่นำรายการ "รู้ให้จริงกับอาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Home Channel สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองซึ่ง DVD ชุดนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุดยอดพระเครื่องชุด "พระเบญจภาคี" จำนวน ๖ แผ่น รวม ๑๑ ชั่วโมง สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองนับเป็นวิธีการเผยแพร่วิธีการพิจารณาแนวทางการศึกษาพระอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ก็สามารถโทรศัพท์มาขอความเห็นหรือให้ไปช่วยออกความเห็นให้อยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้ อ.ราม ได้เปิดเว็บไซต์ " www.aj-ram.com" เป็นการพูดคุยทำนอง "คุยเฟื่องเรื่องพระแท้กับอาจารย์ราม" ซึ่งแฟนแฟนสามารถติดตามหาความรู้และพูดคุยกับอาจารย์รามได้" Home Channel โทร.๐๘-๘๖๒๖-๕๕๕๑ ถึง ๔
ที่มาข้อมูลhttp://www.komchadluek.net/detail/20120901/139029/อ.รามกับวจีดูพระก็คือใช้ตาดูไม่ใช่ใช้หูดู.html เรื่อง/ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
1 ความคิดเห็น:
ถ้าหากน้ำยังไม่เต็มแก้ว ควรเซิท www.phrasomdejaugprathom ครับผม บทความแรกที่อยากให้อ่าน...อัตลักษณ์และที่มา,รูปแบบ ฯ
แสดงความคิดเห็น
กรุณาใช้คำสุภาพเเละไม่ใช้คำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเเก่ส่วนรวมเเละบุคคลอื่นขอบคุณครับ